Sunday 20 September 2015

Rattle That Lock


ถอดโซ่ตรวนแห่งความเป็นพิงค์ ฟลอยด์

David Gilmour | Rattle That Lock ****
Release: กันยายน 2558
Producers: David Gilmour, Phil Manzanera
Genre: Rock, Blues, Jazz

tracklist
“5 A.M.”
“Rattle That Lock”
“Faces of Stones”
“A Boat Lies Waiting”
“Dancing Right in Front of Me”
“In Any Tongue”
“Beauty”
“The Girl in the Yellow Dress”
“Today”
“And Then …”

David Gilmour อดีตมือกีต้าร์, นักร้องนำ, นักแต่งเพลงของวงโปรเกรสซีพร็อค Pink Floyd กับงานอัลบั้มเดี่ยวชุดที่ 4 ของเขา “Rattle That Lock” ที่ทิ้งช่วงห่างจากอัลบั้มก่อน “On An Island” เก้าปี ภาพปกดูเหมือนจะมีความเกี่ยวเนื่อง ยึดโยงถึงกัน ด้วยฝูงนกเหล่านั้น

ก่อนหน้าที่จะมีข่าวการออกอัลบั้มใหม่นี้ไม่นาน เดวิดออกมาประกาศว่า อัลบั้ม “The Endless River” ของ Pink Floyd ที่ออกมาเมื่อปี 2014 เป็นอัลบั้มสุดท้ายของวงแล้ว จะไม่มีการออกงานใหม่ใดๆออกมาในนามของ Pink Floyd แล้ว นัยหนึ่ง นั่นคือการประกาศว่าเขากำลังจะมีงานใหม่ตามออกมานะ-ได้โปรดลืม Pink Floyd ได้แล้ว งาน Endless River ไม่ได้สร้างความประทับใจแก่แฟนๆและนักวิจารณ์เท่าที่ควร ด้วยความที่มันเป็นงานที่เป็นเพลงบรรเลงเชื่องช้าชวนง่วงอย่างหนักเกือบทั้งอัลบั้ม แต่เมื่อมองในแง่ที่ว่าเขาต้องการให้มันเป็นการทริบิวต์ให้มือคีย์บอร์ด Rick Wright ผู้ล่วงลับและยังมีเสียงดนตรีจากฝีมือของเขาอันหลงเหลือมาจากเซสชั่นเก่าๆสมัยทำอัลบั้ม The Division Bell (1994) นำมาใช้ใน Endless River นี้ด้วย—ก็พอจะเข้าใจได้ว่าทำไมงานจึงออกมาอย่างนั้น

ถ้าเดวิดจะแบ่งปันเพลงดีๆที่อยู่ใน Rattle That Lock มาใส่ใน The Endless River ก็คงจะได้ และมันน่าจะเป็นอัลบั้มที่มีความเป็น ‘Pink Floyd’ มากกว่านั้น แต่ทำไมเขาถึงไม่ทำ? ผมก็ไม่ได้ไปถามเดวิด แต่คิดเอาเองได้หลายอย่าง ถ้ามองในแง่ร้ายที่สุด เขาอาจจะคิดว่าชื่อของ Pink Floyd ขายได้ด้วยตัวเองอยู่แล้ว ไม่จำเป็นที่เขาจะต้องเอาเพลงดีๆส่วนตัวไปแบ่งปันให้ หรือเขาอาจจะคิดว่านั่นคือ Pink Floyd ที่ต้องมีการร่วมแรงร่วมใจของคนสามคน (แน่นอนว่าตอนนี้ Roger Waters ไม่เกี่ยวแล้ว) ที่ไม่ควรเอางานที่เป็นจากสมองของเขาล้วนๆมาปะปน

ทั้งนี้ทั้งนั้น ผลออกมากลายเป็นว่า Rattle That Lock เป็นงานที่ชีวิตชีวา น่าฟังกว่า Endless River เป็นไหนๆ และแม้มันจะไม่ Pink Floyd จ๋า แต่มันก็เป็นงานที่แฟน Pink Floyd น่าจะมีความสุขในการฟังมากกว่า ผมยกให้มันเป็นงานของเดวิดที่ดีที่สุดนับจากที่ Roger Waters เดินออกจากวงไปหลังจาก The Final Cut ทีเดียว

ด้วยวัย 69 ปี ดูเหมือนอายุยังไม่ส่งผลอะไรกับฝีมือกีต้าร์และเสียงร้องทุ้มนุ่มของเดวิด ใครที่รักใคร่การโซโล่เสียงอ้วนใหญ่ลากยาวเอื้อนอลังการของเขาไม่มีทางผิดหวังกับการฟัง Rattle That Lock เพราะมันมีสิ่งเหล่านี้ให้คุณฟังพอสมควรเลยทีเดียว  ด้านการเขียนเนื้อเพลงเดวิดก็ดูจะยอมรับกลายๆว่าไม่ใช่ของถนัดของเขา Polly Samson ภรรยาของเดวิดเข้ามามีส่วนร่วมตรงนี้ตั้งแต่ปี 1994แล้ว แต่ได้โปรดอย่าเอาไปเปรียบเทียบกับงานเขียนของ Roger Waters ล่ะ!

มีเพลงบรรเลง 3 เพลงเท่านั้นในชุดนี้ และมันก็เป็นเพลงบรรเลงที่เข้มข้นไม่ได้เรื่อยเปื่อยเป็น new age ชวนบรรทมอย่างใน Endless River (รู้สึกผมจะติติงมันมากเกินไปแล้ว) เริ่มจาก 5 A.M. อันเป็นเพลงเปิดอัลบั้ม ที่แฟน Pink Floyd พันธุ์แท้จะต้องทักทันทีว่า อ้าว เดวิดตื่นสายกว่าโรเจอร์ครึ่งชั่วโมงนี่ (คำตอบอยู่ในอัลบั้มเดี่ยวชุดแรกของโรเจอร์-The Pros And Cons of Hitchhiking)  Beauty และ And Then… เป็นอีกสองเพลงบรรเลงที่เหลือที่อยู่ตรงกลางและปิดท้ายอัลบั้ม แน่นอนว่าทุกเพลงมีเสียงกีต้าร์ของเดวิดเป็นพระเอกและสีสันของดนตรีสวยงามน่าฟัง ที่ผมจะไม่บรรยายอะไรให้เป็นการรบกวนจินตนาการของท่าน (ทั้งสามแทร็คมันชวนปลดปล่อยความคิดไปกับมันจริงๆ)

เมื่อเทียบกับ On An Island งานเดี่ยวชุดก่อนของเดวิดเมื่อเก้าปีที่แล้ว Rattle That Lock ฟังดูผ่อนคลายและสนุกกับการทำดนตรีมากขึ้น การได้ Phil Manzanera (อดีต Roxy Music) มาช่วยโปรดิวซ์น่าจะทำให้ได้ความคมและกระชับของดนตรียิ่งกว่าเดิม แขกรับเชิญคนดังมีมากมาย และเลือกสรรมาได้อย่างเหมาะเจาะ อาทิ Graham Nash และ David Crosby ที่มามอบเสียงประสานจากสวรรค์ของเขาให้ในเพลง A Boat Lies Waiting (เพลงที่เดวิดประพันธ์เพื่ออุทิศให้ริค ไรท์อีกครั้ง แสดงว่าเขารักเพื่อนคนนี้มากมายจริงๆ) ต้องยอมรับว่าเพลงนี้บันทึกเสียงร้องของทั้งสามออกมาได้น่าอัศจรรย์มากๆจนอยากฟังแบบเซอร์ราวนด์ขึ้นมาเลย  พอเดวิดจะทำเพลงออกบลูส์-แจ๊ซหน่อยอย่างในเพลง The Girl In The Yellow Dress เขาก็เรียก Jools Holland มาเล่นเปียโน และ Robert Wyatt มาเป่าคอร์เน็ตให้ (เพลงนี้คงทำให้คนฟังแปลกใจ เพราะไม่เคยได้ยินเดวิดเล่นดนตรีแนวนี้มาก่อน แต่น่าฟังทีเดียวล่ะครับ มิตรสหายท่านหนึ่งเสนอว่าไหนๆก็ทำมาขนาดนี้แล้ว น่าจะให้ไมเคิล บลูเบลมาร้องร่วมเสียเลย!) Andy Newmark (กลอง) และ Roger Eno (คีย์บอร์ด) ก็มาร่วมวงด้วยในหลายแทร็ค ที่ทำให้เพลงดูหนักแน่นและหรูหรามากก็คือสกอร์ออเคสตร้าฝีมือคุณ Zbigniew Preisner  นักเขียนเพลงประกอบหนังชาวโปแลนด์, แม้ว่ามันจะไม่ได้ถูกใช้อย่างเด่นชัดนักก็ตาม

ถ้าไม่นับ Rattle That Lock และ Today สองซิงเกิ้ลแรกที่มีจังหวะคึกคักและฟังกี้เล็กน้อย (คิดถึงเพลงเก่าๆของ Pink Floyd อย่าง Money หรือ Have A Cigar) ที่เหลือก็เป็นเพลงช้าค่อยๆปูอารมณ์ทีละชั้นในแบบถนัดของ Pink Floyd โดดเด่นที่สุดคือ In Any Tongue เพลงต่อต้านสงครามและความรุนแรงที่มีท่อนฮุคด้านความหมายว่า... ไม่ว่าจะเป็นลิ้นของชาติใด เวลาเรียกแม่ก็ออกเสียงเหมือนๆกัน... (แล้วจะรบกันไปทำไม) เป็น epic ในแนวเดียวกับ Comfortably Numb เมื่อมองในแง่ดนตรี แต่ก็ยังไม่เลิศเท่าเพลงนั้นหรอกครับ ส่วน Dancing Right In Front Of Me เป็นเพลงวอลซ์ที่ค่อยๆแต่งตัวทีละนิดจนกลายเป็นร็อคบัลลาดที่น่าสนใจมาก ฝีมือจริงๆ

ใน deluxe edition จะมีมิกซ์ต่างๆของเพลง Rattle That Lock มาให้อีกสามแบบ (extended version ฟังโซโล่กีต้าร์จุใจ และมิกซ์ของ Youth ฟังแล้วต้องยิ้ม ว่าเดวิดนี่นะ ทำเพลงแดนซ์) และ orchestral version ของเพลง “สาวเสื้อเหลือง” และยังมี 5.1 mix ของทั้งอัลบั้มอีกด้วย (ในบลูเรย์หรือดีวีดี) รวมทั้งของแถมอีกเพียบ

ในฐานะของแฟนเพลงคนหนึ่งที่ฟังเสียงร้องและเสียงกีต้าร์ของเดวิด กิลมอร์มาตั้งแต่ยุค The Wall (ก่อนจะย้อนกลับไปฟังทั้งหมด) และตามงานของเขามาตลอดด้วยความใกล้ชิดพอสมควร Rattle That Lock เป็นงานที่ทำให้ผมอยากเดินเข้าไปจับมือกับเขา แล้วบอกเดวิดว่า มันน่าฟังจริงๆสมกับที่รอคอย แต่ความจริงผมไม่ได้คอยหรอก.....