Wednesday 21 October 2015

ละเมอป๊อบ

Beach House : Depression Cherry ****

Released: August 2015
Genre: Dream pop
Producers: Beach House, Chris Coady




















Tracklist:
1.       Levitation
2.       Sparks
3.       Space Song
4.       Beyond Love
5.       10:37
6.       PPP
7.       Wildflower
8.       Bluebird
9.       Days of Candy



“ดรีมป๊อบ” เป็นคำเรียกแนวดนตรีที่มีมาตั้งแต่ยุคปลายทศวรรษที่80 ถ้าอ่านจากตัวหนังสืออย่างเดียวเราอาจจะคิดเอาเองว่ามันก็คือดนตรีป๊อบชวนฝัน นั่นก็อาจจะถูกในบางส่วน แต่คำจำกัดความจริงๆของมันคือดนตรีแนวหนึ่งที่อยู่ในหมวด alternative rock อันจะเน้น texture และ mood ของบทเพลงพอๆกับ melody เสียงร้องจะออกแนวล่องลอยกระซิบกระซาบ เนื้อหาของบทเพลงนั้นส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องมุมมองภายในหรือออกแนว”เซอร์ๆ”สักนิด วงดนตรีแนวนี้มักจะใช้ภาพปกแนวสีน้ำหรือมินิมัลลิสม์ วงดนตรีชื่อดังในแนวนี้ก็มี Cocteau Twins, My Bloody Valentine, Pale Saints, Slow Dive…

ที่กล่าวมาทั้งหมด เมื่อนำมาเช็คลิสต์กับ Depression Cherry อัลบั้มชุดที่ 5 ของBeach House ก็จะพบว่าเราคงต้องติ๊กถูกทุกหัวข้อ จะว่าไปเมื่อพูดถึงคำว่า ‘dream pop’ในทุกวันนี้ Beach House เป็นวงแรกๆที่คนจะหยิบยกขึ้นมาเป็นตัวอย่าง

พวกเขาก่อตั้งวงตั้งแต่ปี 2005 โดยมีสมาชิกแค่สองคน หนึ่งคือหญิงสาวที่เกิดในประเทศฝรั่งเศส Victoria Legrand และหนุ่มบัลติมอร์ Alex Scully พวกเขาเริ่มสร้างชื่อด้วยเสียงร้องอ่อนหวานล่องลอยแบบNico ของ Victoria และการใช้กีต้าร์และคีย์บอร์ดอย่างชาญฉลาดของ Alex เพลง “Apple Orchard” ไปปรากฏในซีรีส์ Infinite Mixtape ของเว็บอินดี้ทรงอิทธิพล Pitchfork ในเดือนสิงหาคม 2006 ตามด้วยอัลบั้มชุดแรกในสังกัด Carpark ในสองเดือนต่อมา พวกเขาปล่อยอัลบั้มชุดที่สอง Devotion ออกมาในสังกัดเดิมในปี 2008 Beach House เกิดเต็มตัวเมื่อพวกเขาย้ายมาซบสังกัด Sub Pop ในปี 2010 สองอัลบั้มที่ตามมาคือ Teen Dream (2010) และ Bloom (2012) ทำให้ใครๆรู้จักพวกเขาในวงกว้าง ถึงแม้ชื่อวง ‘Beach House’ จะเป็นชื่อที่ฟังดูผ่อนคลายสบายๆ แต่ดนตรีของวิคตอเรียและอเล็กซ์นั้นไม่ได้ฟังสบายเหมือนชื่อวง (พวกเขาคิดชื่อวงเท่ๆและคำแปลกๆอยู่นาน แต่สุดท้ายก็มาจบด้วยชื่อง่ายๆน่ารักๆนี้) มันเต็มไปด้วยท่วงทำนองและดนตรีที่หลอนหลอก,มืดหม่นและชวนฝัน ในขณะเดียวกันก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า Beach House ยังนำเสนอความไพเราะในบทเพลงให้เราอยู่เนืองๆในความมืดมนอนธการนั้น

Depression Cherry เป็นงานที่เหมือนการเดินถอยกลับมานั่งพัก ณ จุดเดิมของ Beach House พวกเขาลดทอนความสำคัญของเสียงกลองจริง (live drum) และอารมณ์สดใสร่าเริงที่เจิดจ้าใน Teen Dream และ Bloom กลายเป็น Beach House ที่เซอร์ เศร้า หวาน เหมือนในสองชุดแรกก่อนเข้า Sub Pop เพียงแต่ไอเดียและ performance ของพวกเค้าพัฒนาไปกว่าเดิมมาก ด้วยเหตุผลนี้ ถ้าท่านชอบ Teen Dream และ Bloom ในความสว่างไสวของมัน อาจต้องเตรียมใจรับเมฆหมอกจาก Depression Cherry พอสมควร

แต่มันไม่ได้ซึมเศร้าขนาดนั้นหรอก เพราะถึงจะซึมจะเศร้าแค่ไหน มันก็ยังเป็นเชอรี่ (เดาว่าเป็นตัวแทนของความสุข) ราวกับพวกเค้าจะบอกว่าในความสุขก็มีทุกข์ และหรือในทุกข์ก็มีสุขคลุกเคล้าอยู่ในทุกเรื่อง ดนตรีของ Beach House เป็นอย่างนั้นในแทบทุกแทร็ค เนื้อหาใน Depression Cherry ใช้ถ้อยคำที่ห้วนสั้นและเหมือนเว้นที่ว่างไว้มากมาย ทุกเพลงคุณต้องเติมคำลงไปด้วยจินตนาการของคุณเอง ซึ่งอาจจะต้องมากกว่าเนื้อเพลงที่มีอยู่ ทำนองสวยๆมีมากมายแต่ความสวยงามของมันนั้นเป็นเกลียวคลื่นที่ไม่เคยซัดไปถึงฝั่ง...เมื่อเทียบกับเพลงป๊อบทั่วไป ถ้าเป็นรอยยิ้มของผู้หญิงคนหนึ่ง คุณก็จะไม่เคยเห็นฟันขาวๆของเธอ เพียงแค่การยกระดับของริมฝีปากที่มุมเท่านั้นที่เธอจะเผยให้ยล ซึ่งในบางขณะ คุณก็อยากเห็นแค่นั้นไม่ใช่หรือ

มีเพียง 9 แทร็คใน Depression Cherry และทุกเพลงก็ยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน ถ้าฟังผ่านๆและทำอย่างอื่นไปด้วย คุณอาจจะจับได้ว่านี่เป็นอัลบั้มที่มีแต่เสียงร้องลอยๆ ออร์แกนเก่าๆกดแช่ไม่กี่คอร์ด และเสียงสไลด์กีต้าร์วนไปวนมา แต่เมื่อคุณนั่งลงคนเดียว เปิดมันผ่านมินิคอมโปเก่าๆหรือหูฟังเอียร์บัดไอว่าจากยุค 90’sที่คุณเพิ่งค้นเจอในห้องใต้เพดาน (ไม่จำเป็นหรอกครับ, ผมแค่คิดว่ามันเข้ากันดี) และฟังมันครั้งแล้วครั้งเล่าโดยไม่มีกิจกรรมอื่นประกอบ นั่นเองที่มันจะเผยความลับอันหลากหลายที่ซ่อนเร้นในแต่ละแทร็คออกมา และเมื่อถึงช่วงเวลานั้น,คุณจะปิตินักที่ได้รับรางวัลนี้

Levitation ต้อนรับและนำคุณสู่อัลบั้ม บางอย่างในเนื้อเพลงทำให้ผมคิดถึง Strawberry Fields Forever ของ The Beatles, Sparks ซิงเกิ้ลแรก เสียงกีต้าร์แหบพร่าแต่นุ่มนวลหยอกล้อไปกับเสียงร้องชวนฝันของวิคตอเรีย, Space Song + Beyond Love สไลด์กีต้าร์ริฟฟ์นำทางไปบนจังหวะที่เนิบและมั่นคง สองเพลงนี้ฟังง่ายและติดหูกว่า, 10:37 ไพเราะในแบบที่น่านำไปประกอบหนังฟิล์มนัวร์, Bluebird ในแนวทริปฮ็อปของ Portishead แต่หวานและไม่น่ากลัวเท่า, Days of Candy ใช้วง choir 24 คนมาช่วยขับร้อง ทุกอย่างในเพลงให้อารมณ์ nostalgia อย่างหนักหน่วง จนทำให้คุณต้องไป search e-bay หาประมูลเครื่องย้อนเวลามือสอง ทั้งหมดในย่อหน้านี้เป็นแค่ความรู้สึกสั้นๆในบางแทร็ค ซึ่งคุณอาจจะคิดไม่เหมือนผมเลยก็ได้ แน่นอน,โดยเฉพาะเนื้อเพลงปลายเปิดสุดๆของพวกเค้า

ถ้า dream popเป็น sub-genre ของ alternative rock หลังจากฟัง  Depression Cherry จบ ผมก็อยากจะเรียกมันว่าเป็น sleepwalk pop ที่เป็น sub-genre ของ dream pop อีกที เพลงของพวกเขาเหมือนคนเดินละเมอ มีสติน้อยเกินไปกว่าที่จะไม่จริงใจกับเรา ในขณะเดียวกันก็ตื่นพอที่จะมองโลกในแบบสลึมสลือให้เราเพ้อตาม นั่นแหละ, Beach House ในทุกวันนี้

หมายเหตุ—โดยไม่มีใครคาดฝัน สองเดือนหลังจากอัลบั้มนี้ พวกเค้าปล่อยอัลบั้มใหม่เอี่ยมตามมาอีกชุด ‘Thank Your Lucky Stars’ ที่ทางวงบอกว่า เพลงเหล่านี้มีความเป็น”การเมือง”มากกว่า Depression Cherry จึงแยกตัวออกมา (บันทึกเสียงพร้อมๆกัน) ผมยังไม่ได้ฟังละเอียดครับ แต่ก็เห็นด้วยนะที่แยกออกมา เพราะ Depression Cherry ก็ไม่ควรยาวไปกว่านี้แล้ว... ง่วง