Wednesday 26 April 2017

Triplicate

THE VOICES

Bob Dylan :: Triplicate ****

Released : April 2016
Producer: Jack Frost (Bob Dylan)
Genre: Vocal, Standard



มีข้อตกลงบางประการ ก่อนที่คุณคิดจะฟัง “Triplicate”

1.) คุณต้อง”รับ”เสียงร้องของ Bob Dylan ได้
2.) คุณต้องชอบฟังเพลงแสตนดาร์ดเก่าๆจากผลงานของนักแต่งเพลงอเมริกันยุคก่อน 50’s
3.) คุณต้อง”รับ”เสียงร้องของ Bob Dylan เมื่อมาขับกล่อมเพลงแสตนดาร์ดในข้อ 2. ได้ (ซึ่งหนักหนากว่าฟังแกร้องเพลงของแกเอง)

ถ้าโอเค หรือคิดว่าไหวในข้อตกลงทั้งสาม ยินดีต้อนรับสู่ผลงานล่าสุดของเจ้ารองรางวัลโนเบลคนแรกและคนเดียว ที่เคยปรากฏตัวในโฆษณาของวิคตอเรีย ซีเคร็ท..... Bob Dylan

Bob Dylan ส่งคำเตือนมาให้พวกเราครั้งแรกตั้งแต่ปี 2009 ด้วยอัลบั้ม Christmas In The Heart ในอัลบั้มนั้นมีสารว่า ป๋าบ๊อบ, ไม่ว่าใครจะคิดอย่างไรกับเสียงของเขา, พร้อมแล้วที่จะเป็น crooner คนล่าสุดของโลก มันเป็นงานที่ได้รับการตอบรับแบบก้ำกึ่ง บางคนก็ว่ารับไม่ได้กับเพลงเทศกาลอันควรจะสดชื่นแต่ต้องมาเจอกับเสียงร้องอันแหบแห้งแล้งของป๋า แต่บางคนก็ว่า มันได้อารมณ์และมุมมองที่แตกต่างไปอีกแบบ ถ้าใครจะคิดว่าดีแลนจะหยุดแค่นั้น คงเริ่มหวาดผวา เมื่อบ๊อบออกอัลบั้ม Shadows In The Night ในอีก 6 ปีต่อมา (2015) มันเป็นการตีความเพลงแสตนดาร์ดอันมืดหม่น 10 เพลงในอัลบั้มนั้น ครั้งหนึ่ง Frank Sinatra เคยนำมันมาขับร้อง ตามมาติดๆด้วย Fallen Angels (2016) ที่เหมือนภาคต่อของ Shadows In The Night ดีแลนร้องเพลงที่สินาตร้าเคยบันทึกเสียงไว้อีกครั้ง ความแตกต่างคือ ครั้งนี้เขาร้องไว้ 12 เพลง และมันเป็นในแนวสดใส โลกสวยงาม คอนทราสต์กับความหมองมัวของอัลบั้มก่อนหน้า ดีแลนเองจะวางแผนไว้แค่ไหนก็ไม่มีใครทราบ แต่เขาเองออกมาบอกว่า หลังจากนั้น เขาก็มองออกว่าสองชุดแรกนั้น เป็นเพียงบางส่วนของภาพรวมที่ยิ่งใหญ่ มันยังมีเพลงดีๆของสินาตร้าอีกหลายเพลงที่เขาควรจะนำมาร้องอีก และในภาค 3 นี้ แทนที่เขาจะทำมันแบบธรรมดา ป๋าบ๊อบกลับเล่นใหญ่รัขดา ด้วยการออกมันเป็นแบบ 3 ซีดี ชุดใหญ่ไปเลย

 คำว่า Triplicate จึงแทนได้ทั้งสองความหมาย
 ก.)งานชุดที่สามของไตรภาค (จากบริบททั้งหมด ผมคิดว่าป๋าน่าจะปิดโปรเจ็คแล้วล่ะ)
และ
ข.)งานยิ่งใหญ่ 3 แผ่นในชุดเดียว
แถมอีกนัยหนึ่งด้วย
 ค.) การอ้างอิงถึงงานของสินาตร้าในปี 1980  Trilogy: Past, Present & Future ที่เป็นชุดใหญ่ 3 แผ่นเช่นเดียวกัน

 (แต่ป๋าดีแลน ก็ไม่ได้ยอมรับตรงๆว่านี่เป็นโครงการทริบิวต์ให้สินาตร้าแต่อย่างใด เขาบอกว่า คนอื่นๆก็เอาเพลงพวกนี้มาร้องเหมือนกัน เพียงแต่ว่าเวอร์ชั่นของสินาตร้านั้น มันดีที่สุดเท่านั้นเอง)

Triplicate ประกอบไปด้วย 30 เพลง แบ่งเป็น 3 ซีดี ที่แต่ละซีดีจะมี theme ของมันเอง ‘Til The Sun Goes Down, Devil Dolls และ Comin’ Home Late แต่ละซีดีจะมีปริมาณ 10 เพลง รวมความยาวได้ 95 นาที ถ้าจัดเรียงเพลงดีๆจะสามารถบรรจุไว้ได้ในสองซีดี แต่ดีแลนเลือกที่จะนำเสนอแบบนี้ ด้วยเหตุผลที่ว่า เลข 10 เป็นสัญลักษณ์ของความสมบูรณ์แบบ, ของความเบาสบาย และด้วยเหตุผลของคุณภาพเสียงของแผ่นเสียงที่จะออกมาดีที่สุดในเวลาประมาณ 15 นาทีต่อหน้าลองเพลย์ การตั้งชื่อธีมในแต่ละแผ่นนั้น ก็สอดคล้องกับแนวทางการนำเสนออัลบั้มในยุค Capitol ของสินาตร้าอีกด้วย ใน 30 เพลงนี้ มีทั้งเพลงยอดนิยมที่ใครๆก็คุ้นเคยอย่าง Sentimental Journey, As Time Goes By, Stardust หรือ How Deep Is The Ocean และเพลงที่ค่อนข้างจะแปลกหู ขุดมาจากก้นกรุ อย่าง There’s A Flaw In My Flue หรือ It’s Funny To Everyone But Me

ดูเหมือน Frank Sinatra จะมีความหมายกับ Bob Dylan มากมายในการทำงานซีรีส์นี้ ทั้งสองเคยเจอกันไม่กี่ครั้ง แต่ก็เข้ากันได้ดี ครั้งหนึ่ง สินาตร้าเคยพาดีแลนไปชมท้องฟ้ายามค่ำคืน แล้วชี้ไปที่เบื้องบน และบอกกับดีแลนว่า นั่นคือที่ๆเขาทั้งสองมาจาก เพราะเรามีตาสีฟ้าเหมือนกัน! อย่างไรก็ตาม ทุกคนรู้กันดีว่าสินาตร้าเป็นยอดนักร้องที่มีเนื้อเสียง การควบคุมการร้องในทุกมิติ ในระดับหาใครเปรียบยาก และดีแลนก็ขึ้นชื่อว่าเป็นยอดนักแต่งเพลง ที่ใครๆก็สามารถนำเพลงของเขาไปร้องและทำได้ดีกว่าเขาร้องเองทุกคน พูดง่ายๆคือ วงการรู้กัน ว่าเสียงของดีแลนนั้นน่าฟังน้อยแค่ไหน

ยิ่งกับเพลง Standard ของบรมครูเพลงอเมริกันเหล่านี้ ที่ต้องการความเลอเลิศและละเมียดละไมของนักร้อง ถึงจะมาขับขานมันได้อย่างถูกต้องแม่นยำ ก็ยิ่งน่าเป็นห่วงว่าดีแลนจะทำได้ไหม แต่ในสองอัลบั้มที่ผ่านมาเขาก็พิสูจน์แล้วว่า ไม่ว่าใครจะคิดอย่างไร เขาก็ทำได้และได้ทำออกมาแล้ว ด้วยเสียงแบบนั้นของเขา และดนตรีในแบบของเขา แน่นอน มันห่างไกลหลายปีแสงจากเวอร์ชั่นอมตะของสินาตร้า หรืออาจรวมถึงคนอื่นๆทุกคนที่เคยนำเพลงพวกนี้มาร้องมาก่อน แต่มีสิ่งหนึ่งที่ดีแลนมี ที่คนอื่นอาจจะไม่มี นั่นคือ character ในเสียงและการร้องของเขา และต้องบอกไว้ก่อนเลย ว่า งานทั้ง 3 ชุดนี้ ไม่ใช่เพลง easy listening เหมือนกับ Great American Songbook ของ Rod Stewart ตรงกันข้าม ดีแลนดำดิ่งลงไปที่ก้นบึ้งของความหมายของดนตรีและเนื้อเพลง ไม่ว่าจะเป็นความแหลกสลายของหัวใจ หรือความสดใสของชีวิต แน่ล่ะ, เขาอาจจะทำในแบบแรกได้ดีกว่าแบบหลัง เพราะเสียงอย่างป๋า คงไม่เหมาะกับความสดใสสักเท่าไหร่

แต่ถ้าเราจะแยกออกจากกัน ระหว่าง”น้ำเสียง” และ “การร้อง” ก็จะพบว่า ดีแลนร้องเพลงเหล่านี้ได้อย่างประณีตและยอดเยี่ยมเหลือเชื่อ อักขระ อารมณ์ การเฟรสซิ่ง ทำได้เกือบไม่มีที่ติ จะเว้นแต่ก็บางเพลงที่เสียงแกแตกๆบ้างในบางคำ

กลับมาที่สินาตร้าอีกครั้ง ดีแลนกล่าวไว้ว่าในการร้องเพลงเหล่านี้ เขาจำเป็นต้องลืมว่าเคยมีผู้ชายคนนี้ในโลก สินาตร้าเป็นเพียงผู้นำทางมาที่ประตู จากนี้ไป เขาต้องก้าวไปเอง ในแบบของเขา

ความแตกต่างที่พอเห็นได้จากสองชุดก่อนของ Triplicate ก็คือ การมีทีมเครื่องเป่าเข้ามาช่วยในหลายๆเพลง มันเป็นการเติมเต็มที่ทำให้ความเกือบสมบูรณ์กลายเป็นความสมบูรณ์ แต่ไม่ได้หมายความว่าทีมหลักของดีแลนจะเล่นได้ไม่ดี พวกเขาทำหน้าที่ได้ยอดเยี่ยม โดยเฉพาะมือสตีลกีต้าร์ Donnie Herron ที่ทำหน้าที่แทนเครื่องสายได้อย่างน่าอัศจรรย์

เพลงน่าฟัง : I Guess I’ll Have To Change My Plans (Schwartz - Dietz)  น่าจะเป็นเพลงที่สนุกที่สุดในสามแผ่น เครื่องเป่ามาในอัตรากำลังดี และคุณรู้สึกได้เลยว่า Dylan กำลัง having fun

These Foolish Things (Maschwitz - Strachey) เพลงที่คนร้องประทับใจในเนื้อเพลงมากมาย (เขากล่าวไว้ในการให้สัมภาษณ์หลายครั้ง) และดีแลนก็ร้องชัดถ้อยชัดคำ เน้นความรู้สึกเรียบง่ายและซาบซึ้ง

Bragggin’ (Schril, Marko & Manners) เพลงของ Duke Ellington และเป็นเพลงเดียวในเซ็ตนี้ทีสินาตร้าไม่เคยบันทึกเสียง  การเรียบเรียงเปิดช่องให้ลูกวงของดีแลนได้มีโอกาสโชว์ความสามารถมากกว่าเพลงอื่นๆ

The Best Is Yet To Come (Coleman- Leigh)  เพลงที่เต็มไปด้วยหลุมพรางที่พร้อมจะดักนักร้องที่ไม่เขี้ยวพอ แต่ดีแลนก็เอาตัวรอดมาได้สบายๆ

My One And Only Love (Wood-Menlin) มันทำให้ผมนึกเปรียบเทียบกับ Make You Feel My Love ของป๋าเอง

That Old Feeling (Fain-Brown) หวานเศร้าตราตรึง ร้องได้อารมณ์ถึงการตัดไม่ขาดและถวิลหายิ่งนัก

มีคนถามดีแลนว่า เขาไม่กลัวหรือว่าออกแต่เพลงแสตนดาร์ดเป็นชุดๆอย่างนี้ แฟนๆบ๊อบ ดีแลน จะไม่ชอบใจเอา เขาตอบว่า “เพลงเหล่านี้เป็นเพลงเพื่อคนธรรมดาๆทั่วไปบนท้องถนน เป็นเพลงเพื่อคนทุกชนชั้น ผมไม่แน่ใจว่าแฟนๆของบ๊อบ ดีแลน จะเป็นคนเหล่านั้นไหม”

การบันทึกเสียงที่ Capitol Studios (สถานที่เดียวกับที่สินาตร้าเคยบันทึกเสียงหลายเพลงในชุดนี้) ในแบบสดๆเทคเดียวไม่มีการโอเวอร์ดับ และซาวด์เอ็นจิเนียร์ในตำนานที่ชื่อ Al Schmitt ทั้งหมดทำให้นี่เป็นงานที่มีคุณภาพเสียงยอดเยี่ยมเป็นธรรมชาติ เหนือระดับกว่างานร่วมสมัยทั่วไป

ไหนๆก็พูดถึงFrank Sinatra กันมาตลอด คุณอาจอยากฟังเวอร์ชั่นที่เขาร้องเอาไว้ ใน 29 เพลงนี้ ขอเชิญที่ http://bit.do/triplicate  ครับ.... และหวังว่าฟังของแฟรงค์จบแล้วคงจะยังกลับมาฟัง Dylan นะ...อิอิ