Sunday 9 May 2010

“ฉันคือ เชลบี้ ลีนน์( อีกครั้ง)”



Shelby Lynne-Tears, Lies and Alibis ***1/2

ออกจำหน่าย-เมษายน 2010

แนวดนตรี-Alternative Country, Americana

อัลบั้ม Just A Little Lovin’ เมื่อ 2 ปีก่อนของเชลบี้ ที่เป็นงานอุทิศให้ Dusty Springfield เป็นงานที่ดูเหมือนจะเป็นการจับคู่ของนักร้องและบทเพลงที่น่าสนใจมาก แต่งานออกมากลับจืดชืดและขาดพลังบางอย่างของความเป็นตัวตนเองที่เป็นเอกลักษณ์สำคัญของผู้หญิงคนนี้ แต่อย่างน้อยจากอัลบั้มนั้น เชลบี้ก็ได้เรียนรู้อะไรบางอย่างจากการทำงานร่วมกับโปรดิวเซอร์ผู้ยิ่งใหญ่ Phil Ramone

Tears, Lies And Alibis คืออัลบั้มที่ 11 ของนักร้องสาวอเมริกันร่างเล็กวัย 41 ปีผู้นี้ เธอไม่อาจตกลงถึงแนวทางของการบันทึกเสียงกับต้นสังกัด Lost Highway ได้ เชลบี้ตัดสินใจเดินออกมาและเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง กับสังกัดแผ่นเสียงของเธอเอง Everso และจับงานโปรดิวซ์เอง รวมทั้งแต่งเพลงเองทั้ง 10 เพลงในอัลบั้มนี้อีกด้วย ไม่ว่าจะประสบความสำเร็จทางเชิงพาณิชย์หรือไม่ ผมก็ต้องขอแสดงความยินดีกับเชลบี้ด้วย เพราะนี่คือตัวตนของเธอที่เธอทำได้ดีที่สุดอีกครั้ง เหมือนกับอัลบั้ม I Am Shelby Lynn ที่ทำให้เธอเป็นที่รู้จักในปี 2000 และคว้ารางวัลแกรมมี่ไปในฐานะศิลปินหน้าใหม่ ทั้งๆที่เธอมีผลงานมาแล้วหลายปีดีดัก

เชลบี้เริ่มต้นชีวิตด้วยการเป็นนักร้องคันทรี่เต็มตัว การบันทึกเสียงครั้งแรกของเธอคือการร้องเพลงคู่กับตำนานคันทรี่ George Jones ในเพลง If I Could Bottle This Up ในปี 1988 จากนั้นเธอก็วนเวียนอยู่ในการทำเพลงคันทรี่ในรูปแบบต่างๆกัน ทั้ง Country-Pop หรือ Big Band Country Swing ในแบบของ Bob Willis เชลบี้ได้รับเสียงวิจารณ์ในแง่ดีเสมอ แต่ดูเหมือนเธอจะเป็นได้แค่ศิลปินคันทรี่เงียบๆคนหนึ่งเท่านั้น และหลังจากปี 1995 เธอก็หายเงียบไปจากวงการหลายปี ก่อนจะกลับมาเหมือนกับศิลปินคนใหม่ ด้วยงานที่ประกาศความเป็นตัวเธอ I Am Shelby Lynne เสียงของเธอเปล่งประกายความไพเราะออกมาอย่างถึงที่สุดในบทเพลงอย่าง Your Lies และ Leavin’ ที่เป็นคันทรี่เจือริธีมแอนด์บลูส์ในอารมณ์ของ Northern Soul

แต่แทนที่เธอจะยึดแนวทางนี้เป็นหลัก เชลบี้กับหันไปเล่นกับ Pop Rock เอาใจตลาดมากขึ้น และภาพลักษณ์ที่เซ็กซี่โฉบเฉี่ยวในอัลบั้มถัดมา Love, Shelby ที่มีเพลงสุดดังในบ้านเรา Wall In Your Heart แม้เธอจะร้องเพลงในแนวนี้ได้ไม่เลว แต่มันก็ดูเหมือนจะไม่ใช่ตัวเธอเลย เชลบี้กลับมาทำเพลงในแบบ singer-songwriter ในอีกสองอัลบั้มถัดมา Identity Crisis, Suit Yourself และประสบความสำเร็จพอสมควรในวงที่ไม่กว้างขวางนัก (ก็ไม่ค่อยดังน่ะแหละ!)

แทบทุกคนที่ได้ฟัง Tears, Lies And Alibis ยืนยันว่านี่คือคลาสสิกเชลบี้ ทุกเพลงในอัลบั้มให้ความรู้สึกเหมือนเป็นอัตตชีวประวัติของตัวเธอเอง ไม่ว่ามันจะเป็นจริงหรือไม่ แต่น้ำเสียงของเธอก็ทำให้เรารู้สึกเช่นนั้นเสมอ นักดนตรีในอัลบั้มก็ล้วนแล้วแต่เป็นเพื่อนๆฝีมือดีของเธอ รวมทั้งยอดฝีมือจาก Muscle Shoals-มือเบส David Hood และคีย์บอร์ด Spooner Oldham ฝีมือของทั้งสองคนนี้มีส่วนอย่างมากในการสร้างเสียงที่เต็มไปด้วยอารมณ์ของโซลคลาสสิกในแบบงานของ Aretha Franklin ยุค Atlantic แม้ว่าเสียงหลักๆของดนตรีในอัลบั้มจะเป็นอคูสติกกีต้าร์และรึธึ่มเซ็กชั่นในแบบคันทรี่ก็ตาม

ตั้งแต่เพลงแรก Rains Came ที่เป็นเพลงแห่งความสุขบนความเศร้า, Why Didn’t You Call Me การรอคอยที่แสนหวานอมขื่น (นึกสนุกว่าถ้า Dusty Springfield ลุกขึ้นมา duet กับเธอ และดนตรีใส่เครื่องเป่าอีกสักหน่อย คงจะเป็นอะไรที่น่าฟังพิลึก), หรือ Old #7 ที่คงถูกใจคนที่ชอบใช้เพลงคันทรี่ย้อมใจเมามาย จนเพลงสุดท้าย Home Sweet Home อันเงียบสงบและอบอุ่นเหมือนชื่อเพลง ไม่มีเศษเพลงในอัลบั้มนี้ มันเป็นอัลบั้มที่แฟนดั้งเดิมของเธอทุกคนต้องภาคภูมิใจ สำหรับผู้ที่รู้จักเสียงของเธอแค่ในเพลง Wall In Your Heart ขอแนะนำให้ฟังอัลบั้มนี้ คุณจะรู้สึกเหมือนได้นั่งคุยกับเธออย่างใกล้ชิด และเมื่อฟังจบแผ่น อย่าแปลกใจถ้าคุณจะถามตัวเองว่า เดี๋ยวนี้ยังคงมีคนทำอัลบั้มแบบนี้กันอีกหรือ

Tracklist:

Rains Came 2:26

Why Didn't You Call Me 1:40

Like A Fool 3:58

Alibi 4:25

Something To Be Said About Airstreams 3:54

Family Tree 3:45

Loser Dreamer 4:53

Old #7 3:35

Old Dog 5:30

Home Sweet Home 3:33

AC/DC Iron Man 2 ****



ออกจำหน่าย-เมษายน 2010

แนวดนตรี-ฮาร์ดร็อค

โปรดิวเซอร์ -

Robert John "Mutt" Lange, George Young, Harry Vanda, Malcolm Young, Angus Young, Bruce Fairbairn, Brendan O'Brien

เอซีดีซีมีหลายอย่างเหมือนเครื่องดื่มยาคูลต์ ทั้งสองแบนด์และแบรนด์ค้นพบสูตรสำเร็จของตัวเองเมื่อหลายปีก่อน และพวกเขาไม่เคยเปลี่ยนสูตรนั้น ทั้ง รสชาติ และวิธีการนำเสนอ เอซีดีซีแก้ปัญหาความเลี่ยนและซ้ำซากด้วย การออกงานมาในปริมาณและช่วงเวลาที่พอเหมาะส่วนยาคูลต์ก็ยังอยู่ในขวดเล็กๆกินเท่าไหร่ก็ไม่เคยพออยู่ร่ำไป และ ยังดูเหมือนว่าตราบใดที่ยังมีสาวยาคูลท์ปั่นจักรยานส่งเครื่องดื่มแลคโตบาซิลลัสนี้ตามบ้านอยู่ แองกัส ยังก็ยังคงใส่ชุดนักเรียนขาสั้นดีดดิ้นพุ่งพล่านบนเวทีไปกับดนตรีบูกี้-เมทัลของวงต่อไป หลายปีผ่านมา มียาคูลต์เทียมออกมาไม่น้อย เช่นเดียวกับวงเมทัลหน้าใหม่ๆที่พยายามเดินตามรอยป๊ะป๋าขาสั้น แต่ก็คงทราบกันว่า ไม่มีอะไรจะเลิศเท่าของแท้และดั้งเดิม

แต่แม้แต่ยาคูลต์ในบางประเทศก็ยังมีหลายรสชาติให้เลือก และขนาดของขวดก็ไม่เท่ากันเสมอไป เอซีดีซีก็คงต้องมีอะไรแปลกใหม่มาให้แฟนๆหายคิดถึงกันบ้าง หลังจากกวาดชื่อเสียงเก่าๆกลับคืนมาได้อย่างสมบูรณ์แบบใน Black Ice (2008) พวกเขามีงานเพลงเก็บตกออกมาในปีถัดมาในชื่อ Backtrack และในปีนี้ กับอัลบั้มที่ใกล้เคียงกับคำว่า Greatest Hits ที่สุดในตำนานของวงร็อคอมตะจากออสเตรเลียวงนี้ เอซีดีซีอาจจะเป็นวงร็อคระดับพรีเมียร์วงเดียวในโลกที่ไม่เคยมีงานรวมฮิตมาก่อน วงอื่นอาจจะออกงานรวมเพลงมาเพื่อโกยเงิน แต่เอซีดีซีมีความสุขกับการขายอัลบั้มหลักของเขาอย่างนิ่มๆไปเรื่อยๆดีกว่า ส่วนตัวคิดว่าเป็นความชาญฉลาดทางธุรกิจของพวกเขา เชื่อได้ว่าถ้าเอซีดีซีมีงานรวมเพลง อัลบั้มอย่าง Back In Black (1980) หรือ For Those About To Rock , We Salute You (1981) คงจะขายไม่ได้มากมายต่อเนื่องมาจนทุกวันนี้แน่

และอีกอย่าง การมีงานรวมเพลง อาจจะเป็นการประจานตัวเองอ้อมๆ ว่ากี่ปีกี่ชาติ วงนี้ไม่เคยมีพัฒนาการหรือการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการทำเพลงเลยสักนิด! เอกลักษณ์ของวงนี้คือเนื้อร้องที่เว้ากันซื่อๆ เป็นเพลงเพื่อชีวิตแท้ๆของลูกผู้ชาย(โฉด) ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเซ็กซ์ การดื่มกิน การต่อสู้ และนรก แต่ทั้งหมดนี้จะไม่มีความหมายถ้าไม่ได้การเล่นกีต้าร์ที่ฟังดูแสนง่ายดายแต่สุดจะเมามันทุกครั้งที่เขาโซโลของแองกัสยัง และห้องเครื่อง ของวงที่หนักแน่นเข้มแข็งราวกับทหารเดินสวนสนาม และนำทัพด้วยเสียงร้องนำที่กรีดทะลุเพดาน

Iron Man 2 คือซาวนด์แทร็คประกอบหนังแอ็คชั่นเรื่องดังที่สร้างจากการ์ตูนของมาร์เวล ประกอบไปด้วย 15 เพลงของ AC/DC ล้วนๆ แค่ไอเดียนี้อย่างเดียวก็ต้องยอมรับว่าเวิร์คมากๆแล้ว เพลงของพวกเขาหลายเพลงราวกับสร้างมาเพื่อหนังเรื่องนี้โดยเฉพาะ ทั้งๆที่จริงแล้ว 15 เพลงนี้เป็นเพลงต่างกรรมต่างวาระ และไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับหนัง Iron Man 2 แต่อย่างใด เพลงเก่าแก่ที่สุดคือ T.N.T. ย้อนกลับไปในปี 1976 และใหม่ที่สุดคือ War Machine จากอัลบั้มล่าสุด Black Ice เมื่อสองปีก่อน เราคงไม่อาจเรียก Iron Man 2 ว่าเป็นงานรวมเพลงฮิตหรือเพลงเอกของวงได้อย่างเต็มปาก เพราะแม้จะมีเพลงเด็ดๆอย่าง Back In Black, Have A Drink On Me, Highway To Hell แต่ก็ยังมีเพลงที่ไม่ค่อยมีใครรู้จักอย่าง Cold Hearted Man หรือ Rock ‘N’ Roll Damnation และก็ยังขาดเพลงชั้นยอดของวงอีกหลายเพลง ที่น่าเสียดายคือไม่มีเพลงใหม่เอี่ยมเลย ทางวงเคยทำเพลงประกอบหนังมาแล้วครั้งหนึ่งในอัลบั้ม Who Made Who (1986) สำหรับภาพยนตร์ Maximum Overdrive ที่ยังมีเพลงใหม่และเพลงบรรเลงอยู่ถึง 3 เพลง

ถึงตรงนี้ท่านผู้อ่านอาจจะยังมองไม่เห็นว่าซาวนด์แทร็ค-รวมเพลงชุดนี้จะมีคุณค่าใดๆในการแสวงหามาครอบครอง? เอาล่ะ แม้มันจะมีข้อบกพร่องหรือเรื่องน่าเสียดายบางประการดังกล่าว แต่ Iron Man 2 ก็ยังเป็นอัลบั้มฮาร์ดร็อคที่ทรงคุณค่าด้วยตัวบทเพลงเอง ทุกเพลงจัดมาแบบเน้นๆว่าให้แป็นการประกอบหนัง action โดยเฉพาะ ชนิดดูชื่อเพลงก็สอบผ่านแล้ว อาทิ If You Want Blood (You’ve Got It) , Evil Ways หรือ The Razors Edge อานิสงค์อีกประการของอัลบั้มที่บุรุษผู้หนึ่งรับไปเต็มๆคือ Bon Scott นักร้องนำคนแรกของวงที่เสียชีวิตไปหลังจากอัลบั้ม Highway To Hell Iron Man 2 มีเพลงยุคที่ Bon ร้องถึง 7 เพลง แฟน AC/DC ยุคหลังๆอาจจะได้รู้จักเสียงของเขามากขึ้นในคราวนี้ เสียงและลีลาการร้องของ Bon และนักร้องคนปัจจุบัน Brian Johnson มีความคล้ายคลึงกันไม่น้อย เพียงแต่ Bon อาจะฟังดูกวนทีนส์และมีชีวิตชีวามากกว่า ส่วน Brain นั้นมีพลังเสียงที่แสบสันต์และเลวทราม(ขออภัย)ได้อย่างน่ารักน่าชัง ก็ลองเปรียบเทียบกันดู และการเรียงเพลงดูจะพยายามสลับนักร้องสองคนนี้กันไป-มาอย่างจงใจ อาจจะมีปัญหาเรื่องคุณภาพเสียงที่ลักหลั่นกันบ้างเป็นธรรมดาของงานรวมเพลงหลายๆยุค แต่ความเมามันส์ของดนตรีก็ช่วยกลบจุดด้อยนี้ไปได้สนิท

ข้อกล่าวหาที่ว่า AC/DC เป็นวงดนตรีประเภท เนื้อเดียว ทำนองเดียว แม้จะมีส่วนถูก แต่ลองฟังเพลงอย่าง Thunderstruck และ The Razors Edge ในอัลบั้มนี้ ถ้าคุณไม่เคยฟังมาก่อน ถ้า แองกัสและผองเพื่อน ต้องการจะทำจริงๆ ผมว่า AC/DC ยังมีดีที่เราไม่เห็นอีก แต่ก็อย่างว่า..ถ้ามันไม่เสีย...แล้วจะซ่อมมันทำไม?

Tracklist:

Shoot To Thrill 5:19

Rock 'n' Roll Damnation 3:38

Guns For Hire 3:26

Cold Hearted Man 3:36

Back In Black 4:17

Thunderstruck 4:54

If You Want Blood (You've Got It) 4:35

Evil Walks 4:25

T.N.T. 3:35

Hell Ain't A Bad Place To Be 4:15

Have A Drink On Me 4:00

The Razor's Edge 4:24

Let There Be Rock 6:08

War Machine 3:11

Highway To Hell 3:29