Hey now, don’t dream it’s over!
Crowded House : Intriguer****
ออกวางจำหน่าย-มิย.2010
แนวดนตรี-Pop Rock, Alternative Rock
โปรดิวเซอร์-Jim Scott & Neil Finn
Crowded House สะเก็ดสุกสกาวของประวัติศาสตร์หน้าหนึ่งแห่งยุค 80’s ที่ยังคงฝ่าชั้นบรรยากาศแห่งกาลเวลาหลายทศวรรษมาถึงปัจจุบัน Intriguer คืองานลำดับสองในการกลับมาทำงานร่วมกันอีกครั้งของวงหลังจากสลายวงกันไปสิบกว่าปี ต่อจาก Time On Earth ในปี 2007 และ Intriguer คือ Crowded House ที่อยู่ในสภาพท็อปฟอร์มอีกครั้ง Neil Finn มันสมองและหัวใจยังคงเป็นทุกอย่างของวงทั้งในการแต่งเพลงเกือบทุกเพลงและร้องนำ 10 เพลงในอัลบั้มมีทั้งป๊อบชั้นเลิศที่ดำเนินเรื่องด้วยเมโลดี้เสนาะหูอย่างร้ายกาจ และอีกหลายเพลงที่ซับซ้อนลึกซึ้งเรียกร้องสมาธิและเวลาในการฟังเป็นพิเศษ Neil อาจจะไม่ได้เขียนเพลงป๊อบแบบ Weather With You, Fall At Your Feet Better Be Home Soon หรือเพลงฮิตที่สุดของพวกเขา Don’t Dream It’s Over อีกแล้ว แต่ในวัย 52 กะรัตผลงานการประพันธ์ของเขาลุ่มลึกและกว้างไกลทั้งในแง่เนื้อหาและแนวดนตรีกว่าที่เคยเป็นมา ผมเชื่อว่าแฟนเพลงที่โตมากับวงน่าจะมีความสุขกับการฟัง Crowded House ในแบบปัจจุบัน
Crowded House ก่อตั้งวงในปี 1985 หลังการล่มสลายของ Split Enz , Neil ออกมาฟอร์มวงใหม่ ตัวเขาเป็นชาวนิวซีแลนด์ แต่สมาชิกของวงก็มีทั้งมาจากนิวซีแลนด์,ออสเตรเลีย และสหรัฐอเมริกา เหมือนวงดนตรีทั่วไปที่มีอายุยาวนาน พวกเขาผ่านการถ่ายเลือดเปลี่ยนสมาชิกกันหลายรอบ (สมาชิกยุคปัจจุบันนอกจาก Neil ที่เล่นกีต้าร์,เปียโนและร้องนำ แล้วก็มี Nick Seymour มือเบสคู่ทุกข์คู่ยากที่อยู่กับวงมาตลอด Mark Hart มือคีย์บอร์ดและกีต้าร์ ส่วนมือกลองอดีตเคยตีให้ Beck เขาชื่อ Matt Sherrod) พวกเขาประสบความสำเร็จตั้งแต่อัลบั้มแรกชื่อเดียวกับวงและซิงเกิ้ล Don’t Dream It’s Over และมีอัลบั้มตามออกมาอีกสามชุดคือ Temple Of Low Men (1988),Woodface (1991) และ Together Alone (1993) และซิงเกิ้ลดังๆอีกมากมาย ที่ท่านอาจจะหาฟังได้ในงานรวมฮิต Recurring Dream (1996) พวกเขาประกาศแยกทางกันเดินในปีนี้ หลังจากการแสดงอำลา Farwell To The World ที่ Sydney Opera House ต่อหน้าคนดูกว่าสองแสนคน Neil หันไปทำงาน solo ของตัวเองและบางครั้งก็ไปร่วมงานกับ Tim Finn พี่ชาย และประสบความสำเร็จพอสมควร ปี 2005 มือกลองดั้งเดิมของวง Paul Hester ปลิดชีพตัวเองด้วยการแขวนคอกับต้นไม้ใกล้ๆบ้าน เขามีประวัติของอาการซึมเศร้ามาก่อน
Neil Finn กลับมาเล่นดนตรีกับ Seymour และ Hart อีกครั้งใน sessions ที่ตั้งใจจะให้เป็นงานโซโลชุดที่สามของ Neil แต่แล้วพวกเขาก็ตัดสินใจว่ามันน่าจะเข้าท่ากว่าถ้าจะเรียกตัวเองว่า Crowded House อีกครั้งหนึ่ง และงานเดี่ยวของ Neil ก็กลายไปเป็นงาน comeback ของ Crowded House ในชื่อ Time On Earth ที่สามารถเปิดต่อจาก Together Alone ได้แบบแทบไม่รุ้สึกถึงความห่างไกลในช่วงเวลาสิบกว่าปีนั้น อัลบั้มประสบความสำเร็จเช่นเดิม (Transit Lounge เพลงหนึ่งในอัลบั้มเล่าถึงประสบการณ์การนั่งเลานจ์ในกรุงเทพฯ) ไม่มีใครมั่นใจนักว่า Crowded House จะกลับมาทำแค่อัลบั้มเดียวแล้วหายไปเลยเหรือเปล่า จนกระทั่งมีข่าวว่าพวกเขาเข้าห้องอัดอีกครั้งเพื่อบันทึกอัลบั้มใหม่
Neil Finn ได้รับพรสวรรค์ในการไขว่คว้าเมโลดี้จากอากาศมาเป็นบทเพลงได้ในระดับเดียวกับ Paul McCartney นอกเหนือจากนั้นยังมีกลิ่นอายของไอริชโฟล์ค ,John Denver, Joan Baez และบางอารมณ์ของ The Rolling Stones ในงานของเขาด้วย แต่ด้วยสถานะปัจจุบันคงไม่จำเป็นต้องนำเขาไปเปรียบกับใครอีก เพลงของ Crowded House หลากหลายแต่ก็มีสำเนียงเฉพาะตัว ส่วนหนึ่งมาจากน้ำเสียงอันไพเราะและเรียบง่ายของ Neil เอง ซึ่งในวัยนี้ Neil ยังคงรักษาน้ำเสียงไว้ได้เป็นอย่างดี (แหบลงเล็กน้อย)
Intriguer (ชื่อนี้อาจแปลตรงๆว่าผู้วางแผนลับๆอยู่เบื้องหลัง) ให้ความรู้สึกของการทำเพลงแบบวงดนตรีมากกว่า Time On Earth ทั้ง 10 เพลงมีแง่มุมที่น่าสนใจ บางเพลงอาจจะฟังดูน่าเบื่อและง่วงหาวในแรกฟังแต่กลับแฝงนัยยะและคุณค่าทางดนตรีให้เราคุ้ยหาในรอบต่อๆมาของการฟัง ซิงเกิ้ลแรกและเพลงเปิดอัลบั้มค่อนข้างจะช็อคแฟนๆพอสมควร เพราะ Saturday Sun**** ฟังเหมือน Sonic Youth มากกว่า Crowded House ทั้งเสียงกีต้าร์แตกพร่าและกลองที่ compress มาเต็มที่ จนกระทั่งถึงท่อนคอรัสจึงค่อยจะพอจำได้ แต่วงก็เล่นกับ sound นี้แค่เพลงเดียว / Archer’s Arrow***** คือคลาสสิก CH เนื้อเพลงที่งดงามเป็นกวีที่ถูกขับขานด้วยเมโลดี้และฮาร์โมนี่อันงามไม่แพ้กัน ภรรยาของ Neil มาช่วยร้องประสาน/ Amsterdam นิราศฮอลแลนด์ บัลลาดในแบบของ Neil/ Either Side Of The World *****ป๊อบแซมบ้าที่กลายพันธุ์มาจากคันทรี่คาวบอย ทุกอย่างในเพลงไม่มีที่ติไหลลื่นเหมือนล่องลอยในปุยเมฆและตอนจบยังใช้มุก “แกล้งจบ” (false end) อย่างได้ผลอีกครั้ง /Falling Dove***, Isolation*** ลดสปีดลงเป็นเพลงช้าเกือบๆจะเป็นโฟล์คที่ต้องตั้งใจฟังเขาเล่าเรื่อง เพลงหลังมีเซอร์ไพรซ์ท้ายเพลงแก้ง่วงด้วยฝีมือ Liam ลูกชาย Neil เอง /Twice If You’re Lucky**** น่าจะเป็นเพลงที่ใกล้เคียงกับ Crowded House ยุคแรกที่สุด เนื้อหาดูเหมือนจะพูดถึงโชคชะตาของวงเอง บางอย่างในชีวิตเรามีโอกาสแค่ครั้งเดียวเท่านั้น แต่ถ้าโชคดีก็อาจจะมีครั้งที่สอง... เหมือนพวกเขาที่กลับมาอีกครั้ง /Inside Out** เหมือนพวกเขานึกสนุกอยากเป็น Oasis สักเพลง แต่ก็เป็น Oasis ที่สุภาพเหลือเกิน! /Even If***, Elephants**** จบอัลบั้มแบบเงียบๆแต่ตรึงใจ โดยเฉพาะเนื้อหาในเพลงสุดท้ายเป็นปรัชญาที่น่าขบคิดตามไปด้วย
ยอมรับกันเถิดว่าโลกไม่ได้หมุนตามเรา มันยังทำเหมือนว่าเราไม่ได้มีตัวตนด้วยซ้ำไป......
Track listing
"Saturday Sun"
"Archer's Arrows"
"
"Either Side of the World"
"Falling Dove"
"Isolation" (Finn/Seymour/Hart/Sherrod)
"Twice If You're Lucky"
"Inside Out"
"Even If"
"Elephants"
Except where stated, all songs written by Neil Finn