Sheryl Crow 100 Miles From
แนวดนตรี-Pop, Soul, Country Rock
ออกจำหน่าย-ก.ค. 2010
โปรดิวเซอร์-Doyle Bramhall II และ Justin Stanley
เมื่อไม่กี่ปีก่อนเมื่อมีข่าวว่า Shelby Lynne จะร้องเพลงทริบิวต์ให้ Dusty Springfield ราชินีโซลผิวขาวยกอัลบั้ม ก็ให้รู้สึกตื่นเต้นอยากฟังขึ้นมาทันที แต่พอได้ฟังจริงๆก็ไม่ค่อยจะประทับใจเท่าไหร่นัก แม้ว่า Shelby จะไม่ใช่นักร้องกระจอกๆ ทำให้ตระหนักขึ้นมาได้ว่าการที่จะทำเพลงเมมเฟิสโซลนั้น ไม่ใช่ใครก็คิดอยากทำแล้วจะทำได้ดีเสมอไป คุณต้องมี element อะไรบางอย่างในการที่จะเข้าถึงมัน แต่แล้วความรู้สึกนี้ก็กลับมาอีกครั้งเมื่อทราบข่าวว่า Sheryl Crow (ผู้กำลังโด่งดังจากการที่คนสับสนชื่อเธอกับ Cheryl Cole!) ประกาศจะทำอัลบั้มชื่อเท่ 100 Miles From Memphis นี้ โครว์เกิดที่ Kennett, Missouri ห่างออกจาก Memphis ไปแค่ 100 ไมล์ และมันก็ไม่ไกลเกินไปกว่าที่เชอรีล โครว์ในวัยเยาว์จะได้รับอิทธิพลจากดนตรีแบบเมืองเมมฟิส (เมืองใหญ่ในรัฐเทนเนสซี)
โซลของเมมฟิส หรือจะเรียกว่าเมมฟิสโซลไปเลยก็ได้นี้ เริ่มก่อร่างสร้างตัวกันตั้งแต่ยุคกลาง 60’s และจะฟังตัวอย่างได้ชัดแจ๋วจากงานของ Otis Redding, Al Green, Wilson Pickett และวงแบ็คอัพประจำสังกัด Stax Records- Booker T. and the MGs หรือแม้แต่งานช่วงปลาย 60’s ของ Elvis Presley เมมฟิสโซลจะมีเอกลักษณ์ที่ความพร้อมเพรียงและไพเราะของท่อนเครื่องเป่าและริธึ่มเซ็กชั่น ซึ่งจะต่างออกไปจากโซลของโมทาวน์หรือฟิลาเดิลเฟีย มันคือการเอา Southern Soul มาทำให้กลมกล่อมขึ้น เน้นจังหวะจะโคนแบบ rhythm and blues และหยอดทำนองเพราะๆแบบ gospel ลงไป แน่นอนว่าธรรมชาติโดยตัวตนและน้ำเสียงของเชอรีล เธอไม่ใช่นักร้องโซล แต่มีอะไรบางอย่างที่บอกว่า การที่เธอมาลองของกับดนตรีแนวนี้เป็นอะไรที่น่าสนใจกว่าฟังเธอร้องคันทรี่-โฟล์ค-ป๊อบแบบเดิมๆ ที่ใครก็รู้ว่าเธอเชี่ยวชาญแค่ไหน ผมหวังมากเสียจนลืมไปแล้วว่าเคยผิดหวังกับ Shelby Lynn เมื่อไม่นานมานี้เอง.....
บุคลกรสำคัญที่เข้ามาช่วยเหลือเชอรีลในอัลบั้มนี้คือสองโปรดิวเซอร์ Justin Stanley (เคยทำงานกับ The Vines และ Mark Ronson) และ Doyle Bramhall II (มือกีต้าร์หนุ่มผู้ยืนข้าง Eric Clapton มาหลายปี) และทีมเครื่องเป่าเล็กๆที่พร้อมจะให้เสียงแบบ
ทุกอย่างดูจะเป็นไปตามแผน แม้ว่าจะไม่เกิดสิ่งมหัศจรรย์ดลบันดาลให้เสียงร้องของเชอรีลกลายเป็น Aretha Franklin แต่ด้วยความช่ำชองในการ phrasing และจังหวะในการเข้าทำของเธอ ทำให้นักร้องสาววัย 48 ของเราเอาตัวรอดไปได้สบายๆทั้ง 12 เพลง เพลงใหม่ที่เธอและทีมงานร่วมกันประพันธ์กันขึ้นมาก็ดูกลมกลืนและรับกันได้กับ image ของนักร้องและ style ดนตรี ทีมเครื่องเป่าก็ทำงานกันอย่างคึกครื้นและเฉียบขาด Doyle ก็ได้โชว์กีต้าร์ของเขาพอสมควร มีหลาย lick ที่น่าจะเป็นผลมาจากการทัวร์ยาวนานกับ Clapton และบางช่วงก็ให้นึกถึง Steve Cropper ผู้เป็นเจ้าของเสียงกีต้าร์ในเพลงคลาสสิกมากมายของ Stax
แต่ไม่น่าเชื่อว่า Sheryl Crow และทีมงานจะมาตกม้าตายง่ายๆตรง... “ความยาวเพลง” ครับ 12 เพลงใน 100 Miles… มีแค่ “I Want You Back” ที่เธอร้องอุทิศให้ไมเคิล แจ็คสันเพลงเดียวเท่านั้นที่สั้นกว่า 4 นาที และ มียาวเกิน 5 นาทีอีกถึง 6 เพลง มันไม่มีกฎห้ามทำเพลงป๊อบหรือโซลยาวๆหรอกครับ แต่แทบทุกเพลงในอัลบั้มนี้แสดงให้เห็นว่าสามารถจบได้ใน 3-4 นาที แต่วงก็ยังทำเพลงยืดยาวออกไปด้วยการแจม ทำให้รู้สึกว่าทำไมมันไม่จบเสียที ผมเชื่อว่าถ้ามีการ edit ให้สั้นลง นี่จะเป็นอัลบั้มที่ดีขึ้นกว่าเดิมอาจจะถึงขั้นเพิ่มให้ได้อีก 1 ดาวเลยทีเดียว
การใส่เครื่องเป่าลงมามากมาย บวกกับแต่ละเพลงยาวเฟื้อยก็ทำให้แม้แต่คนที่รักเสียง horn ก็ยังล้าไปเหมือนกัน ยังดีที่เชอรีลมีเบรคให้ด้วยเพลงช้าเน้นเปียโน,เครื่องสายและกีต้าร์อย่าง Stop และ Sideways ที่ร้องคู่กับ Citizen Cope โดยเฉพาะ Stop นั้นไพเราะสง่างามพอที่จะเรียกได้ว่าเป็น “Sheryl In Memphis” ได้เลย เธอคอนโทรลเสียงร้องได้ราวกับร้องเพลงแนวนี้มาทั้งชีวิต
แขกรับเชิญ Keef ณ หินกลิ้งในเร็กเก้-โซล “Eye to Eye” และ Justin ในเพลงเก่าของ Terence Trent D’Arby “Sign Your Name” ล้วนทำตัวเป็นแขกที่ดี ไม่กระโตกระตากขโมยซีนเจ้าของอัลบั้ม พูดอีกอย่างคือ ไม่ต้องมาก็คงไม่ต่างอะไรนัก.... เพลงของคีธก็ฟังโยกๆเพลินๆ ส่วนเพลงเก่าของดีอาร์บี้ยังทำได้ไม่ถึงระดับของดั้งเดิมที่ถือเป็นความคลาสสิกของยุค 80’s ไปแล้ว (แนะนำให้หามาฟังกันนะครับ สำหรับอัลบั้มเปิดตัวอันยิ่งใหญ่ของเขา--ก่อนที่จะร่วงวูบหายไปบนท้องฟ้าแห่งดารา)
ไปๆมาๆเพลงที่เธอทำได้ดีที่สุดในอัลบั้มก็คือเพลงแบบ sunshine-summer pop สดใสอย่าง “Summer Day”, “Long Road Home” และ “Peaceful Feeling” ที่หวนคิดถึงสมัยที่มีตู้เพลงหยอดเหรียญในร้านอาหาร มันเป็นเพลงที่คุณพร้อมจะควักเหรียญหยอดฟังแล้วฟังเล่าโดยไม่แคร์ว่าใครอื่นจะเบื่อหน่ายแค่ไหน และมันก็คือเพลงป๊อบแบบเดิมๆของโครว์ที่เพิ่มเสียง soulful female chorus , horns และกีต้าร์บาดๆของ Doyle เข้ามาเท่านั้นเอง... คุณอาจจะนำเพลงดังๆของเธออย่าง “All I Wanna Do” หริอใหม่ๆหน่อยอย่างจากอัลบั้มที่แล้ว “Love Is Free” มาทำทรีทเมนต์อย่างนี้ได้เสมอ
ถ้าคุณยังจำได้ เชอรีลเคยเป็นนักร้องแบ็คอัพให้ไมเคิล แจ็คสันมาก่อนตอนเธอสาวๆ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสมเหตุสมผลที่เธอจะร้องเพลงให้ราชาเพลงป๊อบผู้ล่วงลับสักเพลงในอัลบั้ม แต่คงไม่มีใครคาดว่าเสียงของเธอในวัยนี้จะไปพ้องกับโทนเสียงของไมเคิลในวัยเยาว์ได้มากมายจนน่าขนลุกขนาดนี้ และทั้งดนตรีและเสียงประสานชี้ไปในทางเดียวกันว่านี่คือการ cover แบบจงใจให้เคารพต้นฉบับที่สุด เพื่อเป็นเกียรติแก่ไมเคิล และ The Jackson 5
เป็นงาน POP ที่น่าฟังอีกชุดหนึ่งของปีนี้ และถือว่าโครว์ยังทำงานได้มาตรฐานเดิมของเธอ Memphis Soul style ในอัลบั้มนี้ถือเป็นแค่การเปลี่ยนเสื้อผ้า ไม่ได้ทำให้แฟนเก่าๆจำหน้าเธอไม่ได้ และนักฟังดนตรีโซลที่ใจเปิดกว้างก็น่าจะสนุกสนานไปกับหลายเพลงในนี้ได้ แต่ด้วยปัญหาเรื่องความยาวที่มากเกินไปในแต่ละเพลงจึงแนะนำให้อย่าฟังติดต่อกันรวดเดียวทั้งอัลบั้มครับ.
tracklist
Our Love Is Fading 6:21
Eye To Eye 5:33
Sign Your Name 5:37
Summer Day 4:30
Long Road Home 4:13
Say What You Want 4:48
Peaceful Feeling 4:02
Stop 4:39
Sideways 5:09
100 Miles From
Roses And Moonlight 6:39
I Want You Back 3:05