ตำนานโหดไอโอว่า,ฉบับที่ 5
Slipknot: .5: The Gray Chapter
****
Genre: Heavy Metal
Producer:
Slipknot and Greg Fidelman
Released:
October 2014
All Hope Is Gone คือความเติบโตของวงร็อควงหนึ่งที่น่าสนใจ
แฟนที่ผิดหวังมักจะแดกดันว่าชื่ออัลบั้มหมายถึงความสิ้นหวังของแฟนเพลงที่จะให้พวกเขากลับไปเล่นแนวเดิมๆ
แต่สิ่งที่พวกเขาพูดถึงจริงๆในตัวเพลงคือความสิ้นหวังของสังคมและการตอบโต้กับความรุนแรงและถ้อยคำไร้สัจจะของผู้นำ
เบื้องหลังความเมามันของบทเพลงทั้งหมดนี้
เนื้อหาที่พวกเขาต้องการสื่อออกมาก็เป็นสิ่งที่ท่านผู้ฟังน่าจะใส่ใจไปด้วยครับ
ย่อหน้าด้านบนคือส่วนหนึ่งของบทรีวิวอัลบั้ม All Hope Is Gone ของ
Slipknot ที่ผมเขียนไว้เมื่อหกปีที่แล้ว
(2008) ไม่คิดว่าทางวงจะทิ้งช่วงนานขนาดนี้กว่าจะออกอัลบั้มใหม่
และจริงๆแล้วถือว่าเราโชคดีด้วยซ้ำที่ยังได้ฟังอัลบั้มนี้ เพราะหกปีที่ผ่านมานั้นพวกเขาประสบเคราะห์หามยามร้ายอย่างสาหัสจนเกือบจะต้องสลายวง
เริ่มจากการเสียชีวิตอย่างไม่คาดฝันของ Paul Gray มือเบสและนักแต่งเพลงตัวหลักของวงในวันที่
24 พ.ค. 2010 ด้วยสาเหตุของการได้รับยา morphine และ fentanyl
มากเกินไป (overdose)โดยอุบัติเหตุ
การตายของเกรย์ส่งผลต่อการทำงานของวงอย่างเห็นได้ชัด
ข่าวคราวเรื่องการทำอัลบั้มใหม่ถูกเลื่อนมาตลอด และมีการขัดตาทัพด้วยอัลบั้มรวมฮิต
Antennas To Hell ในเดือนมิ.ย.2012
(สัญญาณอีกอย่างหนึ่งของวงดนตรีที่กำลังจะแตกดับก็คือการออกอัลบั้มรวมฮิต)
แฟนๆหลายคนถอดใจไปแล้วว่าคงจะไม่ได้ยินงานใหม่ๆจาก Slipknot อีก
จนกระทั่งมีข่าวออกมาว่าพวกเขาเริ่มทำงานเพื่ออัลบั้มชุดที่ 5 กันในช่วงปลายปี 2013
โดยคอรี่ เทย์เลอร์ นักร้องนำแย้มๆว่ามันจะเป็นอัลบั้มที่มืดหม่นมากๆและมีแนวดนตรีออกมาอยู่ที่จุดตัดระหว่าง
Iowa อัลบั้มชุดที่สองกับ Vol.3 (The Subliminal
Verses) อัลบั้มชุดที่สาม แต่ข่าวร้ายก็ตามมาอีก Joey
Jordison มือกลองที่ร่วมหัวจมท้ายกับวงมา 18 ปี ถูกเชิญออกจากวงด้วยเหตุผลส่วนบุคคล
(จนทุกวันนี้ก็ยังไม่มีใครมาชี้แจงชัดๆว่าโจอี้ออกจากวงเพราะเหตุใดกันแน่
มีแค่โจอี้โพสต์ในเฟซบุ๊คของเขาว่า เขาไม่ได้เป็นคนลาออกจาก Slipknot เท่านั้น)
การเสียทั้งนักแต่งเพลงหลักและมือกลองอย่างโจอี้ที่มีลีลาเฉพาะตัวจนแทบจะเรียกได้ว่าเสียงกลองของเขาเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของวง
ทำให้แฟนๆออกอาการเป็นห่วงว่าสมาชิกที่เหลือจะทำอัลบั้มใหม่กันได้ตลอดรอดฝั่งหรือไม่
และใครจะมาแทนที่สองคนนี้
แต่พวกเขาก็ยังเดินหน้าต่อไป มีนักดนตรีสองคนมาแทนที่เกรย์และโจอี้ แต่มันก็ยังเป็นเรื่องที่ทางวงปิดเงียบกันอีก
(ความลับเยอะเหลือเกิน ก็อย่างนี้ล่ะครับวงใส่หน้ากาก) ว่าเขาสองคนนั้นเป็นใคร
สมาชิกที่เหลือ 7 คนของวงตอนนี้ก็คงมี Corey Taylor ร้องนำ, Mick
Thomson กีต้าร์+เบส, Shawn Crahan เพอร์คัสชั่น+ร้องประสาน,
Craig Jones แซมปลิ้ง+คีย์บอร์ด, Jim Root กีต้าร์+เบส, Chris Fehn-เพอร์คัสชั่น+ร้องประสาน
และ Sid Wilson เล่นเทิร์นเทเบิ้ล (สแครชแผ่น)
The
Negative One เป็นเพลงใหม่เพลงแรกในรอบหกปีที่แฟนๆได้ฟัง
ออกมาเมื่อต้นเดือนสิงหาคม 2014 ตามติดด้วย The Devil and I ในเวลาไม่ถึงเดือนต่อมา
พวกเขาประกาศชื่ออัลบั้มใหม่ .5: The Gray Chapter และปล่อยมันออกมาในเดือนตุลาคม
2014 เป็นที่รู้กันว่าคำว่า Gray นั้นมาจากนามสกุลของ Paul
Gray และอัลบั้มนี้ไม่มากก็น้อยอุทิศให้เขาในหลายแง่มุม
Slipknot
ที่ไม่มีพอล เกรย์ และ โจอี้ จอร์ดิสัน ก็ยังคงเป็น Slipknot
วงเดิมที่แทบไม่เปลี่ยนแปลงอะไร พวกเขายังคงแนวทาง nu-metal ที่ผสมผสานเมทัลเข้ากับการร้องแบบต่างๆมากมายรวมทั้งแร็พ
เอกลักษณ์ของดนตรีของพวกเขาคือการใช้กีต้าร์จูนต่ำ,เพอร์คัสชั่นแน่นหนาหนักหน่วงและหลากหลาย
รวมทั้งเสียงจากแซมเปิ้ลและการครูดแผ่นเสียง ส่วนการร้องนั้นมีสารพัดไม่ว่าจะเป็นเสียงสำรอกในลำคอ,กรีดร้อง,แร็พเร็วจี๋
และนานๆทีก็ทำเสียงหล่อบนท่วงทำนองอันสวยงาม ทั้งหมดนี้ยังอยู่ใน .5: The
Gray Chapter ไม่ไปไหน
และไม่ว่ามือกลองคนใหม่นี้จะเป็นใครต้องยอมรับว่าเขาสวมบทบาทโจอี้ได้ไม่บกพร่อง ชนิดที่ไม่บอกก็คงไม่รู้ว่าโจอี้ออกไปแล้ว
ส่วนในด้านการประพันธ์เพลง ทุกเพลงในอัลบั้มใหม่เป็นเครดิตการแต่งของ “Slipknot” และพวกเขาก็ช่วยกันเขียนออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม
ไม่มีร่องรอยว่าบทเพลงของพวกเขาจะเป๋ไปเมื่อขาดเกรย์
ถ้าไม่นับดนตรีที่บอกไปแล้วว่าไม่มีถดถอย เนื้อร้องของพวกเขาก็ยังเด็ดขาดเหมือนเดิม
รุนแรงแข็งกร้าว ใช้คำสั้นๆแต่มาเรียงร้อยจัดวางต่อเนื่องกันแล้วต้องตีความไม่น้อย
, เนื้อหาในเพลงของพวกเขายื่นไปแตะในเรื่องราวต่างๆมากมาย
ทั้งการเมือง,อุตสาหกรรม,ปรัชญา, ความตาย.ความสับสนทางจิต-ด้านมืดของอารมณ์, ความโกรธ...และความรัก
แน่นอนว่าเนื้อเพลงของพวกเขาไม่เหมาะและไม่เคยเหมาะกับเยาวชน,ผู้พิสมัยความงดงามและด้านสดใสแห่งภาษา
และพวกมือถือสากปากถือศีลทั้งหลาย
ด้วยเหตุประการทั้งปวงที่กล่าวมาจึงสรุปได้ว่า แฟนเก่าของ Slipknot ไม่น่าจะไม่ชอบ
.5:The Gray Chapter และคนที่ไม่เคยชอบก็คงจะไม่ชอบพวกเขาต่อไป!
เปิดอัลบั้มด้วย XIX ที่เน้นเสียงร้องแบบเป็นผู้เป็นคนของคอรีย์
เทย์เลอร์โดยมีเสียงคีย์บอร์ด, glockenspiel และกีต้าร์โปร่งโอบอุ้ม
มันคือการประกาศการเดินหน้าต่อไปของวงอย่างชัดเจนด้วยการชักชวนให้คนฟัง “Walk
with me, walk with me/ don’t let this symbolism kill your heart / just like we
should’ve done right from the start.” ส่วนมากแล้วเพลงแรกในอัลบั้มของพวกเขาจะเป็นเพลงสั้นๆและมีเนื้อร้องฟังไม่ได้ศัพท์
นี่เป็นครั้งแรกที่มีความชัดเจนกันตั้งแต่แทร็คแรก มีความรู้สึกได้ว่าเพลงนี้จะระเบิดออกเป็นความรุนแรงในทุกวินาที
แต่มันก็ไม่มีอะไรมากไปกว่านี้ ต่อเนื่องไปกับแทร็คสอง Sarcastrophe ที่ขึ้นต้นมาด้วยสไตล์คล้ายคลึงกัน จนกระทั่งหนึ่งนาทีกว่าๆผ่านไป
พวกเขาจึงกระหน่ำพลังลงมาเต็มสูบให้แฟนๆโล่งอกว่าวงโปรดของเขายังดุดันไม่เสื่อมคลาย
และเมื่อพวกเขาจัดเต็ม มันก็คือเต็มจริงๆ
ทั้งเสียงร้องสารพัดพิษ,ท่อนริฟฟ์หนักหน่วง,คอรัสอันบ้าคลั่ง
และเสียงคีย์บอร์ด+แซมปลิ้งเติมความอลหม่าน เนื้อเพลงยากที่จะเข้าใจในเวลาอันสั้น
จำได้อย่างเดียวว่าพวกเขาอวยพรให้ว่า ‘live long and die for me.’
เครื่องติดแล้วก็คงจะหยุดยาก AOV แทร็คที่สาม
เต็มไปด้วยพลังในแบบอัลบั้มแรกและคอรัสใหญ่โตเหมือนใน All Hope Is Gone คอรีย์แร็พระเบิดในช่วงกลางเพลง
ก่อนที่เพลงจะผ่อนช้าลงเปิดโอกาสให้มือเบสนิรนามเอื้อนสายหวานๆให้ฟังกันพักนึง
ประโยคสำคัญในเพลงนี้-: “Approaching original violence / If it’s over,
you can tell me it’s no use.”--ลองตีความกันสิครับ
The
Devil In I ลดความซับซ้อนลง เป็นแทร็คที่พวกเราร้องตามกันสบายๆเหมาะแล้วที่จะเป็นซิงเกิ้ล
แต่เมื่ออยู่ในอัลบั้มมันกลายเป็นเพลงให้พักโสตประสาทมากกว่า Killpop เพลงสั้นๆที่มีเมโลดี้สวยงาม ไม่แปลกหรอก เพราะมันเป็นเพลงรัก
แต่เป็นเพลงรักที่ออกจะสยองขวัญและโรคจิตไม่น้อย “Maybe I should let her
go..but only when she loves me / How can I just let her go? Not until she loves
me….” เนื้อเพลงยังสื่อถึงการทรมานคนที่เขารักอีกด้วย
แต่นั่นก็ขึ้นอยู่กับการตีความ ช่วงท้ายเพลงดนตรีเร่งดีกรีขึ้นถึงความรุนแรงเกือบขีดสุดอีกครั้ง
Skeptic
เนื้อเพลงน่าจะหมายถึงพอล เกรย์เป็นอย่างยิ่ง “The world
will never see another crazy motherf_cker like you. The world will never know
another man as amazing as you.” และอีกหลายท่อน ลีลาในการเรียบเรียงเพลงนี้ซับซ้อนเอาเรื่อง-ถ้าคุณจะตั้งใจชำแหละมัน
แต่อย่าลำบากขนาดนั้นเลย มีความสุขกับความเมามันสุดขีดที่พวกเขาเล่นให้ฟังดีกว่า Goodbye
ปกติเพลงชื่อนี้น่าจะเป็นเพลงปิดท้าย
แต่มันมาอยู่ตรงนี้เพราะมันไม่ใช่เพลงอำลา แต่เป็นเพลงที่บอกว่าการเอ่ยคำอำลาจะเป็นสิ่งสุดท้ายที่พวกเขาจะทำบนโลกนี้ต่างหาก
ถึงตรงนี้จะสังเกตว่าพวกเขาย้ำบ่อยมากถึงการยืนหยัดสู้ต่อไปไม่ว่าอุปสรรคจะสาหัสแค่ไหน
Nomadic จัดเต็มอีกครั้งในสไตล์ Iowa ของแท้
ริฟฟ์ขนาดมหึมาที่เคลื่อนไหวรวดเร็วไปพร้อมๆกับเมโลดี้ที่น่าฟังแต่จับทางลำบาก
และอื่นๆอีกมากมายที่ต้องนับถือคนมิกซ์ที่จัดที่วางให้ดนตรีแต่ละชิ้นได้ทั่วถึง
รวมทั้งอุตส่าห์มีโซโล่กีต้าร์สั้นๆในแนวนีโอคลาสสิคัล! The One That Kills
The Least น่าสนใจที่มีการนำบางท่อนจาก XIX มาใส่ด้วย
แต่เปลี่ยนเป็น “Come with me, come with me” เนื้อร้องน่าสนใจตรงชื่อเพลงนี่แหละ....พวกที่ฆ่าน้อยที่สุด..มันก็ยังฆ่าเราทั้งหมดอยู่ดี...?
ถ้าจะมีสักเพลงที่ถูกบรรจุเป็น anthem ใหม่ในการแสดงสดของ Slipknot
จากอัลบั้มชุดนี้ มันต้องเป็น Custer อย่างแน่นอน
คุณจะสามารถจินตนาการผู้ชมเรือนหมื่นก้มหัวมองพื้นแล้วกระโดดตามจังหวะของมันไปอย่างพร้อมเพรียงในท่อนคอรัส Cut
– Cut – Cut me up and F_ck – F_ck – F_ck me up ได้ไม่ยากเย็น
มันส์จริงๆขอรับแทร็คนี้ The Negative One ซิงเกิ้ลแรกที่ออกมาทักทายและมันก็ทำหน้าที่ได้ดี
เป็นเสมือนตัวแทนของเพลงทั้งหมดจากอัลบั้ม
แฟนๆก็ยังคงตีความกันไม่เลิกว่าใครหนอคือ the negative one? แต่ผมไม่เชื่อว่าพวกเขาหมายถึงโจอี้
ปิดท้ายด้วยเพลงช้าๆให้ดูดดื่มกับความหมาย If Rain Is What You Want ซึ่งก็ต้องตีความกันอีกล่ะ
ว่าอะไรคือสายฝนในเพลงนี้ ที่พวกเขาบอกว่า if rain is what you want / then
take your seats / enjoy the fall……
และถ้าเมทัลหนักๆในแบบของพวกเขาเป็นสิ่งที่คุณต้องการ
เชิญหาที่นั่งฟัง และมีความสุขกับความโหดเหี้ยมหฤหรรษ์ของ .5:The Gray Chapter กันได้เลยครับ
Tracklist:
1. "XIX" 3:10
2. "Sarcastrophe" 5:06
3. "AOV" 5:32
4. "The Devil in I" 5:42
5. "Killpop" 3:45
6. "Skeptic" 4:46
7. "Lech" 4:50
8. "Goodbye" 4:35
9. "Nomadic" 4:18
10. "The One That Kills the
Least" 4:11
11. "Custer" 4:14
12. "Be Prepared for Hell" 1:57
13. "The Negative One" 5:25
14. "If Rain Is What You Want" 6:20
No comments:
Post a Comment