Thursday, 21 August 2014

Morning Phase

BECK REFORM



Beck -Morning Phase ****
วางจำหน่าย-กุมภาพันธ์ 2014
แนวดนตรี- alternative  rock, folk rock
โปรดิวเซอร์-Beck

แสงระยิบยามรุ่งสาง
ความสว่างแทนเงาหม่น
รอคอยค่อยค่อยทน
จนจำนนในความนาน

ลาก่อนความทรงจำ
ไปไกลล้ำเกินคืนบ้าน
ยามเช้าที่พบพาน
ขอซมซานแผ่กายรอ

มิมีใครพบเห็น
ไม่มีเส้นให้ตามต่อ
แต่นั่นอย่าทดท้อ
วันยังรอให้ก้าวไป

ตะเกียงใกล้ม้วยมอด
ที่วายวอดไปพร้อมไฟ
คือทุกสิ่งในใจ
สลายไปในตะวัน

'Morning Phase' คือภาคต่อของ Sea Change อัลบั้มอคูสติก-ออเคสตร้า-บัลลาดป๊อบที่ผู้คนมากมายหลงใหลของเขาที่ออกมาตั้งแต่ปี 2002 แม้เบ็คเองจะไม่ค่อยปลื้มกับคำว่า sequel เท่าไหร่นัก แต่ก็คงต้องจำนนกับหลักฐานที่วางอยู่ตรง
หน้า Morning Phase เดินตามรอย Sea Change ในหลายๆด้าน เมื่อฟังอย่างผิวเผินเราอาจจะแทบแยกไม่ออกว่าใครเป็นใคร ทั้งสองอัลบั้มล้วนเป็นความเศร้านิ่มๆที่งดงาม ขมขื่นแต่เปี่ยมล้นด้วยความหวาน ดนตรีเรียบง่ายแต่มิอาจคาดเดา และความประณีตในทุกตัวโน๊ต แต่โปรดสังเกตว่าผมใช้คำว่า "แทบแยกไม่ออก" เราจะมาดูกันต่อไปว่ามีจุดสังเกตข้อแตกต่างอย่างไรในสองอัลบั้มพี่-น้องคลานตามกันมา(12ปี!) นี้

เบ็ค แฮนเซ่น หนุ่มวัย 43 ปี ณ ปัจจุบัน สร้างชื่อมาจากการทำดนตรีแนวลูกผสมระหว่างแนวดนตรีที่ไม่น่าไปกันได้ (โฟล์ค-บลูส์-ร็อค-ฮิปฮอป-อีเล็กโทรนิกา-แซมบ้า) และการแซมปลิงอย่างเหนืออัจฉริยะในอัลบั้ม Odelay (1997) ซึ่งนับเป็นมาสเตอร์พีซของเขาอย่างแท้จริง หลังจากนั้นเขาก็ยังอยู่ในช่วงจุดสูงสุดของพลังความคิดสร้างสรรค์ อัลบั้มต่างๆที่ตามมาไม่ว่าจะเป็น Mutations (1998) , Midnite Vultures (1999), Sea Change (2002)  ล้วนแล้วแต่ยอดเยี่ยมและไม่หยุดนิ่ง แต่แล้วก็เหมือนเขาจะวิ่งไปชนกำแพงอะไรบางอย่าง ผลงานหลังจากนั้นของเขาตั้งแต่ Guero (2005) เป็นต้นมาดูธรรมดาๆและวนเวียนไม่ไปไหนอีกทั้งยังขาดพลังหรือแรงบันดาลใจไปเสียดื้อๆ แม้แต่ Modern Guilt (2008) ที่ได้โปรดิวเซอร์สุดร้อน Danger Mouse มาร่วมผลิตก็ออกมาเบๆยังไงชอบกล (เบ็คเพิ่งมาสารภาพเมื่อเร็วๆนี้ว่าอัลบั้มนั้นบันทึกเสียงในขณะที่อาการเจ็บหลัง (spinal injury) ของเขากำเริบสุดขีด เขาแทบจะร้องเพลงด้วยเสียงกระซิบตลอดทั้งอัลบั้ม) แต่ช่วงเวลาหลังจากนั้นเขาก็ไม่ได้นอนปวดหลังอยู่เฉยๆ เรายังได้รับรู้ถึงโครงการดนตรีต่างๆของคุณพ่อลูกสองคนนี้อยู่อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการไปรับหน้าที่โปรดิวเซอร์ให้ศิลปินอย่าง Charlotte Gainsbourg, Thurston Morre และ Stephen Malkmus & The Jicks, รีมิกซ์งานเก่าๆของเจ้าพ่อมินิมัลลิสม์ Philip Glass หรือโปรเจ็คสนุกๆที่เขาให้นามว่า 'Record Club' ที่เบ็คกับเพื่อนๆมาบันทึกเสียงอัลบั้มเก่าๆระดับคลาสสิกกันแบบยกชุดอย่างสบายๆและเป็นกันเอง อย่างเช่นอัลบั้ม The Velvet Underground & Nico, The Songs of Leonard Cohen หรือ Kick ของ Inxs

แต่ไอเดียที่ถือว่าแหวกแนวหลุดกรอบที่สุดก็คงเป็นงาน Song Reader ในปี 2012 ที่เบ็คแต่งเพลงใหม่เอี่ยมยี่สิบ
เพลง แต่เขาไม่ยอมบันทึกเสียงเอง กลับวางขายเป็นโน๊ตเพลง (sheet music) ให้ใครก็ได้ซื้อไปเล่นกันเองในแบบนักแต่งเพลงยุคอดีตที่เคยมีทำกัน เบ็คยังคงบันทึกเสียงด้วยตัวเองอย่างต่อเนื่องเพียงแต่ส่วนใหญ่จะไม่ได้นำออกมาขาย เขาปล่อยเพียงซิงเกิ้ลออกมาให้แฟนๆหายคิดถึงอย่าง 'I Won't Be Long' หรือ 'Defriended' ที่ล้วนแล้วแต่ส่งสัญญาณที่ดีว่าเบ็คคนเก่ากำลังจะกลับมา รวมทั้งกระแสข่าวลือว่าเขากำลังจะทำอัลบั้มในแบบ Odelay อีกครั้ง แต่เบ็คกลับเลือก option ของตัวเขาในปี 2002 มากกว่าที่จะเป็น 1997

ปี2014 อาการปวดหลังของเบ็คคงทุเลาขึ้นเยอะแล้ว สังเกตจากลีลาคล่องแคล่วของเขาบนเวที และ"ยามเช้า"ก็คงเป็นสัญลักษณ์ของการตื่นฟื้นขึ้นมาเริ่มต้นใหม่จากราตรีอันปวดร้าวหม่นหมอง ในฐานะแฟนเพลงของเขามาตั้งแต่ยุคก่อน Odelay ต้องยืนยันว่านี่เป็นการคืนฟอร์มของเบ็คอย่างแท้จริง เสียงร้องบาริโทนของเขากลับมาอบอุ่นเต็มเสียงเปี่ยมอารมณ์อีกครั้ง การเขียนเนื้อเพลงที่ใช้คำไม่มากแต่เรียกจินตนาการจากคนฟังได้ดี ที่สำคัญคือความสวยงามของดนตรีที่เต็มไปด้วยรายละเอียดและไปด้วยกันได้ดีกับอารมณ์ของแต่ละเพลง

มันเป็น 47 นาทีและ 13 เพลงที่อ้อยสร้อยเชื่องช้า ยืนพื้นด้วยกีต้าร์โปร่งและเครื่องสายที่คุมวงโดยคุณพ่อของเบ็คเอง-เดวิด แคมป์เบลล์ แต่ความแตกต่างระหว่าง Morning Phase และ Sea Change ก็คือ ความรู้สึกเหมือนนั่งสมาธิอยู่คนเดียวและเรียนรู้จิตใจของตนใน Morning Phase มันคือการหวนรำลึก,พูดคุยกับตัวเองทั้งในอดีต,ปัจจุบันและอนาคต ส่วน Sea Change นั้นเหมือนความฝันและแฟนตาซี เรื่องราวที่เดินไปบนความปวดร้าวที่ยากที่จะบ่งชี้ว่ามันเกิดขึ้นจริงหรือเป็นเพียงฝัน Morning Phase เศร้าแต่ไม่ฟูมฟาย Sea Change งดงามบนความทดท้อ ด้านดนตรีนั้นแม้จะเชียร์เบ็คแค่ไหนก็ต้องบอกว่าเขาทำงานนี้ในแบบที่ไนเจล กอดริชทำเอาไว้ใน Sea Change หลายส่วนอยู่ สุ้มเสียงที่เป็นลายเซ็น
ของไนเจลปรากฏต่อโสตผู้ฟังไม่น้อยทีเดียวในอัลบั้มใหม่นี้ แต่ในขณะที่ Sea Change ละเมียดละไมในแบบดนตรีที่คำนวณสัดส่วนกันไว้แบบระดับทศนิยมสามตำแหน่ง Morning Phase กลับผ่อนคลายและไม่จริงจังเท่า มันไม่ให้ความรู้สึกอลังการเหมือนหลายเพลงใน Sea Change แต่ดนตรีใน Morning Phase ดูจะฉุดและชักชวนเราให้มีความรู้สึกเปี่ยมสุขในแบบ euphoria เสียมากกว่า หรือถ้าจะสรุปอีกที Morning Phase ก็คือ analogue version ของ Sea Change

ราวกับกลัวว่าสุ้มเสียงจะไม่เหมือนเดิมพอ เบ็คชวนเพื่อนๆที่เคยอัดเสียงสมัย Sea Change กลับมาร่วมงานด้วยเกือบยกเซ็ต แถมด้วยมือเบสระดับตำนาน Stanley Clarke ก็มาเล่นอัพไรท์เบสด้วยในบางแทร็ค

แฟนๆของเขาคงทราบดีว่า Sea Change เป็นงานที่มีแรงบันดาลใจจากภาวะล้มเหลวในรัก (เรียกสั้นๆว่าอกหัก) ของหนุ่มเบ็คในช่วงนั้น แต่กับ Morning Phase มันยากที่จะคิดว่าเป็นงานที่มีที่มาจากอาการปวดหลังเพียงอย่างเดียว หรือส่วนหนึ่งอาจจะเป็นในแง่คอมเมอร์เชียลที่ต้นสังกัดใหม่ Capitol Records น่าจะหนุนหลังมากกว่าเพลงแนวฟังยาก แต่อย่างไรก็ตามคงไม่ใช่ประเด็นสำคัญอะไรนัก ตอนนี้เฟสใหม่ของเบ็คก็พร้อมมาให้เราฟังแล้ว ขอต้อนรับสู่ยามเช้าของหนุ่มเบ็คกันครับ

เบ็คเปิดอัลบั้มชุดที่ 12 ของเขาด้วยเพลงบรรเลง interlude ยาว 40 วินาที 'Cycle' ที่คงไม่แปลกถ้าใครๆจะจินตนาการภาพประกอบเป็นแสงแรกแห่งยามเช้าที่เริ่มก่อตัวเข้ามาแตะมือแทนที่ความมืดสนิทและเงียบงันของราตรี มันเชื่อมต่อกับเพลงแรกจริงๆ- 'Morning' ที่เบ็คเปิดด้วยประโยคยอดฮิตในเนื้อเพลงบลูส์ "Woke Up this morning..."แต่ Morning ไม่ใช่บลูส์ แทร็คนี้มีอะไรหลายอย่างที่เหมือน Sea Change มากมาย ตั้งแต่การตีคอร์ดกีต้าร์ จังหวะกลอง และเสียงคีย์บอร์ดกรุ๊งกริ๊งในแบบของไนเจล กอดริช ท่อนฮุคของเพลงเบ็คสารภาพออกมาว่า "This morning.... I lost all my defenses..." มันคือยามเช้าแห่งการสงบศึกวางอาวุธและเจรจา..."Won't you show me the way it used to be?"

'Heart is a Drum' สดใสขึ้นเหมือนยามสายที่พระอาทิตย์เปล่งรังสีเจิดจ้าแต่ไม่ถึงกับร้อนรุ่ม เนื้อเพลงเริ่มมีความเป็นเบ็คแท้ๆมากขึ้นด้วยการใส่อะไรที่เป็นสัญลักษณ์ให้ชวนงงกันพอสมควรว่าอะไรคือเสียงกลองที่หัวใจคุณมักจะเดินตาม เบ็คเล่นกับเสียงร้องประสานอย่างสร้างสรรค์และน่าฟังตลอดเพลง น่าตัดเป็นซิงเกิ้ล! 'Say Goodbye' ฟังเรียบง่ายตรงไปตรงมาและยังอิ่มเอิบด้วยเสียงประสานอันหวานนุ่มคลอไปกับอคูสติกกีต้าร์และโดโบร เบ็คเล่าถึงถ้อยคำต่างๆที่เรามักนำมาใช้เป็นข้ออ้างในการกล่าวคำร่ำลา 'Blue Moon' ซิงเกิ้ลแรก ชื่อเพลงอาจจะพ้องกับเพลงอมตะ แต่นี่เป็นเพลงใหม่ เบ็คร้องเต็มเสียงในเนื้อหาที่เมื่อถอดรหัสแล้วอาจได้แค่ว่า อย่าทิ้งฉันไป ทำอย่างไรก็ได้ให้ฉันได้อยู่กับเธอ อืมม์ ฟังแล้วคิดถึง Nick Drake นะครับแทร็คนี้

'Unforgiven'  จังหวะกลับมาช้าเนิบ เครื่องสายหนาทึบ เอ็คโค่กระจายก้องในเสียงร้อง เนื้อหาเหมือนคำแนะนำให้ใครสักคนที่ผิดหวังอะไรบางอย่างในชีวิตอย่างร้ายแรง หรืออาจเป็นตัวเขาเองที่บอกกับตัวเอง "Somewhere unforgiven, I will wait for you...."

ถ้าเป็นแผ่นไวนีลนี่เป็นเวลาที่คุณต้องเดินไปกลับแผ่นและเมื่อจรดเข็มลงไปก็จะพบกับ 'Wave' เป็นแทร็คแรกในอีกด้านของแผ่นเสียงสีดำ เสียงร้องหลอนๆของเบ็คกลมกลืนไปกับออเคสตร้านัวร์ๆของคุณพ่อ นี่น่าจะเป็นเพลงที่มืดหม่นที่สุดใน Morning Phase "Don't Let It Go" กีต้าร์มาในแนวโฟลค์ แม้คอรัสจะยังคงอารมณ์ฟุ้งล่องลอยอยู่ ถ้าไม่ง่วงเกินไปคุณจะได้เห็นพัฒนาการอันน่าสนใจในช่วงท้ายเพลง รวมทั้งเทคนิค counterpoint ที่เบ็คเอามาใช้ได้จังหวะทีเดียว
"Blackbird Chain" อคูสติกกีต้าร์อินโทรชวนให้คิดถึงเพลงดังของวิงส์ Mull of Kintyre ท่วงทำนองเรียกได้เลยว่าฟังสบาย เปียโนกับเครื่องสายล้อหยอกกันสนุกช่วงท้ายเพลง ส่วนเนื้อหา....ห่ะๆ เหมือนเบ็คจะรู้เรื่องอยู่คนเดียวนะครัส  "Phase" เป็นอินเตอร์ลูดอีกแทร็คหนึ่งอันให้อารมณ์ไม่ต่างจาก Cycle

"Turn Away" กีต้าร์โปร่งหนักแน่นสอดประสานไปกับเสียงร้องที่งดงามและซับซ้อน "Country Down" ไม่มีอะไรลวงให้หลง นี่คือเพลงคันทรี่ดั่งชื่อเพลง แม้จะเป็นคันทรี่ในแบบเบ็คที่ติดดินแบบหลอนๆ รู้สึกดีที่ได้ยินเสียงหีบเพลงปากและโดโบรในแทร็คนี้

และแทร็คสุดท้ายที่เบ็คเก็บของดีไว้ท้ายสุด "Waking Light" มันคือ epic และหนึ่งในเพลงที่ดีที่สุดที่เบ็คเคยทำมา ถ้านี่เป็นสเตตัสของคน เพลงนี้คือภาวะกึ่งหลับกึ่งตื่นยามใกล้รุ่ง เมื่อความทรงจำหรือความฝันกำลังจะสลายไปกับราตรี จงลืมตาขึ้นเพื่อสัมผัสกับแสงแห่งการตื่นเถิด

ถ้าเบ็คออกอัลบั้มนี้ต่อจาก Sea Change เสียงตอบรับคงจะต่างจากนี้ไปมากมาย กาละเทศะเป็นสิ่งสำคัญยิ่งในวงการดนตรี และผมก็เชื่ออย่างบริสุทธืใจว่าศิลปินอย่างเบ็คคงไม่ออกอัลบั้มในแนวนี้อีกในหลายปีข้างหน้า คงอีกนานทีเดียว กว่าเราจะได้ฟังเฟสต่อไปของซีรีส์นี้

หรืออาจจะไม่มีอีกเลย

tracklist:

1.            "Cycle"                 0:40
2.            "Morning"           5:19
3.            "Heart Is a Drum"             4:31
4.            "Say Goodbye"                 3:29
5.            "Blue Moon"      4:02
6.            "Unforgiven"     4:34
7.            "Wave"                3:40
8.            "Don't Let It Go"               3:09
9.            "Blackbird Chain"             4:26
10.          "Phase"                1:03
11.          "Turn Away"      3:05
12.          "Country Down"               4:00
13.          "Waking Light"                  5:02


No comments: