Tuesday 24 November 2015

“ปิศาจน้อย D.I.Y.”


“ปิศาจน้อย D.I.Y.”
Grimes | Art Angels ****
Released: November 2015
Producer: Claire Boucher
Genre: Electronic Art Pop
Tracklist:


1.
"laughing and not being normal"  
1:47
2.
"California"  
3:18
3.
"SCREAM" (featuring Aristophanes)
2:20
4.
4:24
5.
"Belly of the Beat"  
3:25
6.
"Kill V. Maim"  
4:06
7.
"Artangels"  
4:07
8.
"Easily"  
3:03
9.
"Pin"  
3:32
10.
"REALiTi" (excluded from cassette and vinyl pressings)
5:06
11.
"World Princess, Pt. II"  
5:05
12.
"Venus Fly" (featuring Janelle Monáe)
3:45
13.
"Life in the Vivid Dream"  
1:27
14.
"Butterfly"  
4:12


ต้นทศวรรษ 2000 ในยุครุ่งเรืองของการทำเพลงลงในเว็บไซต์ myspace สาวน้อย Claire Boucher รู้สึกสับสนในการที่จะต้องกรอกประเภทดนตรีในงานที่เธอสร้างสรรค์เองและกำลังจะอัพขึ้นเว็บไซต์สุดฮ็อท (ในยุค) นั้น เธอกวาดสายตามองในตัวเลือก และจิ้มไปที่ 'Grimes Music' แทบจะทุกครั้งที่เธอโพสต์เพลงใหม่ ทั้งๆที่ตอนนั้นเธอไม่ทราบด้วยซ้ำไปว่าดนตรีแนว Grimes นี่มันเป็นยังไง และนั่นคือที่มาของนามปากกา 'Grimes' หรือจะเรียกเท่ๆว่า alter-ego ก็ได้ ที่แคลร์ใช้ในการนำเสนอดนตรีของเธอ (และถ้าจะจัดหมวดหมู่ให้ดนตรีของเธอ-ที่ไม่ใช่เรื่องง่าย-มันก็น่าจะไม่อยู่ในหมวดหมู่ Grimes Music นี้) ถ้าจะสรุปดนตรีของเธอให้ง่ายสั้นที่สุด ส่วนผสมหลักในความเป็น Grimes ก็คือ....ความระห่ำและปราดเปรื่องของ Bjork + อาร์แอนด์บีและป๊อบในยุครุ่งเรืองของ Mariah Carey + ความหวานล่องลอยดั่งนางพรายของ Enya

'Art Angels' เป็นผลงานชุดที่ 4 ของ Grimes มันเป็นการก้าวกระโดดยาวๆจากงานสร้างชื่อของเธอใน 'Visions' เมื่อปี 2012 มันมีความเป็นป๊อบ,เข้าถึงวิทยุมากขึ้น (ถ้าสิ่งนี้ยังมีอยู่?) แต่ก็ไม่ได้ผ่อนคลายความดีเดือดและซุกซนอย่างบ้าคลั่งในการที่จะโลดแล่นและคลุกเคล้าดนตรีสารพัดแนวเข้าด้วยกันในแบบ maximalism ของเธอ ในยุคที่ศิลปินหญิงจำนวนหนึ่งต้องพึ่งโปรดิวเซอร์และนักแต่งเพลงมากมายในการทำงานแต่ละอัลบั้ม แคลร์เป็นอะไรที่ตรงกันข้าม เธอเหมาหมดทุกตำแหน่งดังกล่าว แถมเล่นเครื่องดนตรีเองทุกชิ้นอย่างสบายๆ นอกจากซินธ์และโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่เป็นอาวุธประจำกายของเธอแล้ว ในรอยต่อระหว่างอัลบั้มก่อนกับชุดนี้ แคลร์ยังเพิ่มศักยภาพให้ตัวเองด้วยการหัดเล่นกีต้าร์, ukulele และไวโอลินเพิ่มเข้ามาอีกด้วย

Claire Boucher เกิดเมื่อปี 1988 (แก่กว่า Taylor Swift 1 ปี) ที่แวนคูเวอร์,แคนาดา การเรียนรู้ทางดนตรีบทแรกๆในชีวิตของเธออาจจะเป็นการเรียนบัลเลต์ต่อเนื่องถึง 11 ปี (ยังคงร่องรอยไว้ในรูปร่างอันเพรียวบางและลีลาการเต้นที่สวยงามและน่าประหลาดตาในเอ็มวีต่างๆ) ก่อนที่จะไปเรียนมหาวิทยาลัยในสาขา วิทยาศาสตร์ทางระบบประสาทที่ McGill University แคลร์เริ่มใช้ชื่อ Grimes ในการแสดงดนตรีและบันทึกเสียงในช่วงนี้   Grimes ออกอัลบั้มเปิดตัว Geidi Primes ในรูปแบบเทปคาสเซ็ตต์ สังกัด Arbutus Records ในปี 2010 และอัลบั้มที่สอง Halfaxa ตามอออกมาในปีเดียวกัน ปีถัดมาเธอก้าวขึ้นไปอีกขั้นด้วยการได้เป็นศิลปินเปิดการแสดงให้ Lykke Li ในการออกทัวร์อเมริกาเหนือ แคลร์เซ็นสัญญากับ 4AD Records ตอนต้นปี 2012 และออกอัลบั้ม Visions มาอย่างรวดเร็วในเดือนมกราคม มันเป็นงานที่ทำให้โลกได้รู้จักเธอ นักวิจารณ์แซ่ซ้องกันอึงมี่ นิตยสาร NME ถึงกับยกให้มันเป็นหนึ่งใน 500 อัลบั้มที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล Pitchfork ยกให้ ‘Oblivion’ เป็นเพลงอันดับ 1 ในลิสต์เพลงที่ดีที่สุดในทศวรรษนี้ แต่เบื้องหลังของการบันทึกเสียงนี้กลับไม่โสภา Grimes ใช้กระบวนการทุกข์กิริยา ทรมานตัวเองสารพัดขณะอัดเสียง ปิดหน้าต่างเงียบเป็นวันๆเพื่อแต่งเพลง เสพ Amphetamines ไม่หลับไม่นอนไม่กินสามสัปดาห์ ผลที่ได้อาจจะคุ้มค่า แต่ระยะยาว Grimes คงรู้ตัวดีว่าไม่น่าจะเป็นวิถีทางที่ถูกต้อง โชคดีที่เธอผ่านจุดนั้นมาแล้ว และไม่ได้ทำตัวอย่างนั้นในการทำ Art Angels

Visions มองเผินๆอาจจะเป็นงานซินธ์ป๊อบที่เต็มไปด้วยเสียงร้องแหลมหลอนของแคลร์ฉวัดเฉวียนไปมา แต่เมื่อฟังจนได้ที่ผู้ฟังแทบทุกท่านจะรู้สึกได้ถึงความอัศจรรย์ที่กลั่นจากสมองและฝีมือของเธอที่เยี่ยมไม่แพ้เสียงระดับ super-soprano นั้น คุณอาจจะเต้นรำไปกับ Visions ได้ แต่มันย่อมไม่เหมือนกับการเต้นกับเพลงของ Lady Gaga อย่างแน่นอน

Grimes ต้อนรับแฟนๆในปี 2014 ด้วยการปล่อยเพลงใหม่’Go’ ในเดือนมิ.ย. ด้วยแนวทางที่เป็นมิตรกับคนฟังในวงกว้างมากขึ้นเล็กน้อย สร้างกระแสในการรอคอยอัลบั้มชุดที่ 4 อย่างแรง (แต่แฟนพันธุ์แท้จำนวนหนึ่งออกอาการไม่พอใจ) แต่แล้ว Grimes ก็โยนอัลบั้มชุดนั้นที่กำลังทำอยู่ทิ้งกลางคันเอาดื้อๆ ด้วยเหตุผลที่ว่ามัน “หดหู่เกินไป” และเธอไม่อยากจะตระเวณแสดงกับงานแบบนั้น แต่ในเดือนมีนาคม 2015 Grimes ก็ยังอุตส่าห์ปล่อย MV เพลง REALiTi ที่เป็นเพลงหนึ่งในอัลบั้มที่ถูกเก็บเข้ากรุนี้ออกมา แน่นอนว่าแฟนๆและนักวิจารณ์มองไม่เห็นว่ามันจะแย่หรือหดหู่ตรงไหน (Grimes กำกับเอ็มวีนี้เอง และเพลงที่ใช้ก็เป็นแค่เดโม) และตอบสนองเอ็มวีเพลงนี้กันในแง่บวก

Grimes ปล่อยซิงเกิ้ลแรกจาก Art Angels ‘Flesh Without Blood / Life in the Vivid Dream’ ออกมาในวันที่ 26 ตุลาคม 2015 และ Album Art Angels ในแบบดิจิตัลในเดือนพ.ย. ด้วยภาพปกแสบสันต์และไม่เหมือนใครจากฝีมือเธอเอง (แคลร์โชว์ฝีมือทางศิลปะวาดภาพทาง tumblr ของเธอเป็นประจำ)

Art Angels ยังคงเป็น Claire Boucher โชว์เดี่ยวตลอดรายการเช่นเคย เว้นแต่สองแทร็คที่มีแขกรับเชิญมาร่วมขับร้อง ความแตกต่างที่เห็นได้ชัดจาก Visions คือเสียงกลองที่หนักแน่นชัดเจนยิ่งขึ้น, เมโลดี้ที่ลดหลอนแต่เพิ่มความ catchy และการใช้เสียงร้องอันน่าทึ่งของเธอที่พัฒนายิ่งกว่าเดิมไปอีก เรามาฟังพร้อมๆกัน

 laughing and not being normal เพลงอินโทรสั้นๆที่เหมือนนิวเอจยุคแรกหลอมกับสตริงควอเต็ตยุคบาร็อคและเสียงร้องสูงเสียดฟ้า California เพลงประชดเว็บไซต์วิจารณ์เพลง pitchfork ที่ชอบตีความเพลงเธอผิดๆ แต่ถ้าไม่บอกก่อนก็คงจะตีความเพลงนี้เองเป็นอื่นได้มากมาย บางคนเอาไปเปรียบกับ Welcome to New York เพลงเปิดอัลบั้ม 1989 ของ Taylor Swift (Grimes ทำอัลบั้มชุดนี้ใน LA.) เครื่องเสียงและ/หรือหูฟังดีๆจะถ่ายทอดให้ท่านได้ยินอย่างชัดเจนเลยว่า Grimes จัดเข้าไปกี่ layers ในแทร็คๆเดียวนี้ Scream แขกรับเชิญคนแรก ‘Aristophanes’ (ชื่อจริง Pan Wei-Ju) แร็ปเปอร์ชาวไต้หวันมาแร็ปเป็นภาษาจีนตลอดเพลง ส่วนแคลร์เองปักหลักรับหน้าที่... scream เพียงอย่างเดียว  (เนื้อเพลงเมื่อแปลออกมาแล้วติดเรทใช้ได้) Flesh Without Blood ซิงเกิ้ลแรกที่ชวนแดนซ์เป็นอย่างยิ่ง ส่วนเอ็มวีนั้นก็หลอนเอาเรื่อง แม้เพลงจะไม่มี blood แต่เอ็มวีไม่คิดอย่างนั้น นี่เป็นอีกแทร็คที่หลายคนคิดว่าเป็นเพลงอกหัก แต่แคลร์ยืนยันว่าไม่มีเพลงรักใน Art Angels Belly of the Beat สำเนียง bollywood dance ที่มาดอนน่าหรือพี่เบิร์ดน่าจะอยากนำไปร้อง Kill V. Maim เพลงที่ crazy ได้สุดเหวี่ยงที่สุดในชุดนี้ แคลร์บอกว่าเนื้อเพลงนี้เป็นมุมมองของอัลปาชิโนในบทที่เขาเล่นใน The Godfather II เพียงแต่อัลคนนี้สามารถเปลี่ยนเพศและเดินทางผ่านอวกาศได้ (!) หวังว่า Grimes จะทำเอ็มวีเพลงนี้นะ (ชอบการแหกปากเท่ๆและคอรัสเสียงแหลมจี๊ดที่มันส์สุดๆ)  Artangels (เขียนติดกันเมื่อเป็นชื่อเพลง) แคลร์บอกตรงๆในการให้สัมภาษณ์ว่าเพลงนี้แต่งให้ Montreal เบสและบีทโดดเด้งดีดดิ้น ทำนองอย่างเพราะ และเธอก็ใส่ดนตรีสารพัดเสียงไม่ยั้งตลอดเพลง Easily สมชื่อ เพลงนี้ช้าหวานและ simple จนเราสงสัยว่านี่เธอจะมาไม่ไหน แถมมีโชว์ของเล่นใหม่-ไวโอลิน จากฝีมือเธอเองด้วย Venus Fly ได้ Janelle Monáeมาร่วมร้อง ออกจะธรรมดาไปหน่อยสำหรับมือระดับเธอสองคนกับเพลงสไตล์ปอม-ปอมแบบนี้ Realiti แทร็คนี้แคลร์นำมารีมิกซ์ใหม่ไม่เหมือนกับในเอ็มวีที่เราได้ชมกันไปก่อนหน้านี้ ฟังแล้วอยากให้เธอไปเชิญวง Arcade Fire มา featuring… (แทร็คนี้จะมีเฉพาะใน digital version)

เพลงสุดท้าย Butterfly ที่เธอแต่งในมุมมองของผีเสื้อในอะเมซอนขณะที่ป่ากำลังถูกตัด......

Art Angels คือชัยชนะของผู้หญิงคนหนึ่งในการทำเพลงป๊อบสุดขั้วสักชุดให้ตามใจตัวเองสุดเหวี่ยงแต่ก็ยังเรียกคนมาร่ายระบำบนแดนซ์ฟลอร์ไปกับเพลงของเธอได้ ขอคารวะจากใจ แม่ปิศาจน้อย DIY….. Claire Boucher


No comments: