O2 London, December 10 ,2007
ไม่มีใครจะเข้าใจว่าภาระที่เขาแบกไว้บนบ่าและข้อมือทั้งสองข้างของ Jason Bonham ในคืนวันจันทร์ที่ 10 ธันวาคม 2007 นั้นมันสาหัสแค่ไหน นอกจากตัวเขาเอง อีกไม่กี่นาทีข้างหน้า เขาต้องรับหน้าที่มือกลองในตำแหน่งที่ไม่อาจมีใครทดแทนได้ เบื้องหลัง Jimmy Page, Robert Plant และ John Paul Jones ในนามของ Led Zeppelinตำแหน่งที่เมื่อเกือบสามสิบปีก่อน ผู้ที่นั่งอยู่ตรงนั้น คือพ่อของเขา John Bonham
John เสียชีวิตจากการสำลักอาเจียนตัวเองขณะเมามายในปี 1980 และ Led Zeppelin ก็ประกาศยุบวง พวกเขาไม่เคยเล่นคอนเสิร์ตเต็มๆร่วมกันอีกเลย นอกจากการแสดงสั้นๆใน Live Aid และงานฉลอง 40 ปีของ Atlantic Records น่าเสียดายที่ทั้งสองงาน Led ทำไม่ได้ถึงมาตรฐานเดิมแต่ในคืนนี้ สมาชิกทั้งสามยินดีกลับมาร่วมงานกันอีกครั้ง สำหรับคอนเสิร์ตหางานเข้ากองทุนของ Armet Ertegun บุรุษผู้มีความสำคัญในประวัติศาสตร์ของวง เขาเป็นคนเซ็นสัญญากับ Led Zeppelin เมื่อปี 1968 เจสันเป็นตัวเลือกแรกสำหรับตำแหน่งมือกลองนี้ และพวกเขาซ้อมกันมาอย่างเข้มข้นตั้งแต่กลางปีที่ผ่านมาเจสันออกมาให้สัมภาษณ์อย่างมั่นใจหลายครั้งก่อนการแสดงว่า เขาเชื่อมั่นว่างานนี้คนดูจะต้องอ้าปากค้าง ถ้าเพียงแต่ Led Zeppelin เล่นได้ครึ่งเดียวของการซ้อมงานนี้จะเป็นการแจ้งเกิดของมือกลองวัย 41 ปีอย่างแท้จริง แต่ถ้าเขาพลาดหรือเล่นได้ไม่ถึงระดับ ทุกอย่างจะป่นปี้ลงโดยพลัน เรื่องจะไม่ยากเลย ถ้าบังเอิญสิ่งที่พ่อเขาทำเอาไว้ ไม่ใช่การเล่นกลองที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์เพลงร็อค! ก่อนการแสดง 45 นาที เจสันเครียดขนาดหนัก ถึงกับอาเจียนออกมา สร้างความกังวลให้กับคนรอบข้างอย่างหนักว่าเขาจะไหวเร้อแต่แล้วเวลา 21 นาฬิกาที่ O2 arena ใน London เจสันก็ขึ้นไปเคาะไม้กลองพร้อมจะเริ่มต้นการแสดงคอนเสิร์ตรียูเนียนครั้งสำคัญที่สุดจนได้ เขาตัดผมเลี่ยนโล่งและอยู่ในสภาพฟิตปั๋ง เสียงกระเดื่องรัวถี่ที่แฟนๆจำได้ดีดังกระหึ่มขึ้นจากฝีเท้าของเขา Led Zeppelin ไม่มีทางเริ่มต้นการแสดงนี้ไปได้ดีกว่านี้อีกแล้ว ด้วยเพลงแรกจากอัลบั้มแรกของพวกเขา Good Times Bad Times จิมมี่ เพจในชุดดำสนิทตัดกับผมสีเงินและรูปร่างผอมเพรียวดูไม่ต่างอะไรกับพ่อมดลึกลับบนคอกีต้าร์ โรเบิร์ต แพลนต์ไว้หนวดเครารับกับหน้าที่เต็มไปด้วยร่องรอยของวันเวลา และ จอห์น พอล โจนส์ ผู้ซึ่งนอกจากผมที่ตัดสั้น ดูไม่ต่างจากยุค70's ไปสักเท่าไหร่ นานแสนนานแล้วที่เราไม่ได้เห็นเขาบนเวที แค่เพลงแรก แฟนๆที่เข้ามาชมใน O2 ก็ทราบแล้วว่า งานนี้ไม่มีผิดหวังแน่นอน แม้ว่าเสียงอาจจะยังไม่ลงตัวนัก พวกเขาเล่นกันต่อเนื่้องอีกรวมแล้ว 130 นาที เป็นเพลงร็อคอีเล็กทริคล้วนๆ ไม่มีช่วงอคูสติกอย่างที่หลายคนรอคอย เสียงกลองของเจสันช่าง funky และ dancable โรเบิร์ตยังร้องได้ยอดเยี่ยมแม้จะต้องลดคีย์ลงในบางช่วง โจนส์เติมเต็มช่องว่างด้วยเบสและคีย์บอร์ดทำให้บทเพลงเหล่านั้นเป็น Led Zeppelin ขึ้นมาจริงๆ ไม่เหมือนกับยุคที่ Page&Plant แอบมาเล่นกันสองคนโดยไม่ชวนเพื่อน และจิมมี่...โซโลของเขาไม่กราดเกรี้ยวเหมือนเดิม แต่พลังของท่อนริฟฟ์แต่ละท่อนที่ถาโถมเข้ามายังคงความอลังการและหนักหน่วงไม่เสื่้อมคลาย ช่วงเวลาที่เขาชักคันสีไวโอลินมารูดกับสายโลหะของกีต้าร์ใน Dazed And Confused ท่ามกลางแสงเลเซอร์ปิระมิดสีเขียว ทำให้ดูเหมือนยุค 70's ไม่ได้หายไปไหนสักนิด บางคนสงสัยว่าแพลนต์จะยอมร้อง Stairway To Heaven หรือเปล่า แต่ผมไม่คิดว่าเขาจะมิอาจไม่ร้องได้ ในยุค70's แสงไฟแช็คในมือของผู้ชมจะโบกไปมากับจังหวะอันล่องลอยของเพลงนี้ แต่ในปี 2007 แสงนั้นเปลี่ยนไปเป็นกล้องโทรศัพท์มือถือแทน จบเพลงแพลนต์เงยหน้ากล่าวกับฟากฟ้า "อาร์เมตต์" "เราทำได้"พวกเขาจบการแสดงด้วย Kashmir ที่เล่นกันอย่างเชื่องช้ากว่าเดิม แต่หนักแน่นกัมปนาท เสียงคีย์บอร์ดจากโจนส์และกองทัพกีต้าร์จากเพจแน่นอนต้องมีอังกอร์ และจะเป็นเพลงอื่นไปไม่ได้นอกจาก Whole Lotta Love ท่อนริฟฟ์สะท้านฟ้า หนักหน่วงก้าวร้าวถึงขีดสุด ภาพบนจอมอนิเตอร์ด้านหลังก็ดุเดือดไม่แพ้กัน แพลนต์ประกาศศักดาด้วยเสียงกรีดร้องสุดท้าย You-need----LOOOOOOOOOOOOOOOVVEEEEEEEE!!!!!!! ที่ก้องสะท้อนข้ามฝั่งแม่น้ำเทมส์เมื่อถึงอังกอร์ที่สอง Rock And Roll คนดูนั้นเรียกได้ว่า "บ้าไปแล้ว" Led Zeppelin ใส่ทุกอย่างที่พวกเขามีเหลือลงในบทเพลง วิ่งเข้าเส้นชัยด้วยสปีดสุดท้ายอย่างหมดจดจบการแสดง เพจ แพลนต์ และ โจนส์ โค้งคำนับคนดูเป็นครั้งสุดท้าย ขณะที่เจสันคุกเข่าลงต่อหน้าเพื่อนของพ่อทั้งสาม ทำนองว่า เขาไม่คู่ควรกับสิ่งนี้ แต่ความจริงคือ เขาคู่ควรแล้ว มันต้องเป็น Bonham เท่านั้น
2 comments:
คอนเสิร์ตนี้ลุ้นข่าวกันน่าดูยังกะตามผลบอล เป็นห่วงน้าๆแก โดยเฉพาะแพลนต์ที่เสียงตกไปตามวัย ส่วนเพจก็นิ้วหักเพิ่งหาย มีโจนส์นี่ดูไม่ค่อยน่าห่วง ฟิตดี ส่วนเจสันก็อย่างที่เขียน...กดดันจัดเลย
ตอนนี้ 2009 ยังไม่มีวี่แววว่าพวกเขาจะทำอะไรกันต่อ ใจหนึ่งผมคิดว่าจบที่ O2 นี่ก็สุดยอดแล้วครับ
5 ปีที่รอคอย...อีกไม่กีวันผมคงได้ชม "Celebration Day" ในรูปแบบ DVD แล้วครับ
Post a Comment