"LSD"
*********************
(จากหนังสือ A Hard Day's Write ของ Steve Turner)
ในเมื่อมีผู้ถามมา ก็ขอลัดคิวเล่าให้ฟังกันก่อนเลย สำหรับเพลง Lucy In The Sky With Diamonds ที่ร่ำลือกันไม่เลิกราว่าถ้าย่อชื่อเพลงแล้ว จะได้ความว่า LSD...ยาเสพติดที่ฮ็อทที่สุดแห่งยุค 60's (ชื่อเต็ม Lysergic acid diethylamide)
บ่ายวันหนึ่งตอนต้นปี 1967 Julian Lennon กลับบ้านมาจากสถานรับเลี้ยงเด็ก พร้อมกับภาพวาดที่เขาบอกว่าเป็นเพื่อนร่วมชั้นของเขาคนหนึ่ง เป็นเด็กหญิงอายุสี่ขวบชื่อ Lucy O’Donnell. ขณะที่อธิบายภาพเขียนให้พ่อฟัง จูเลียนบรรยายภาพว่า Lucy – in the sky with diamonds.
วลีนี้ติดใจจอห์นและไปจุดประกายให้กระแสความคิดหลั่งไหล กลายมาเป็นเพลงชวนฝัน Lucy In The Sky With Diamonds เป็นหนึ่งในสามแทรคจากอัลบั้ม Sgt.Pepper ซึ่งได้รับความสนใจเป็นพิเศษจากสื่อมวลชนเนื่องจากถูกหาว่าเป็นเพลงที่ “เกี่ยวกับยาเสพติด”. แม้ว่าดูจะเป็นไปไม่ได้ที่จอห์นจะเขียนเพลงฝันกลางวันแบบนี้ออกมา โดยไม่เคยทดลองใช้ยามาก่อน แต่เพลงนี้จริงๆแล้วได้อิทธิพลจากความหลงใหลใน surrealism ของจอห์นและงานของ Lewis Caroll (ผู้แต่ง Alice in Wonder Land) ในปริมาณพอๆกัน.
คำเล่าลือที่ว่าเพลงนี้เป็นคำบรรยายเกี่ยวกับภาพหลอนขณะเมายา LSD ถูกทำให้เป็นเรื่องขึ้นมาเมื่อมีคนสังเกตุว่าตัวย่อของเพลงนี้เอามารวมกันเขียนได้ว่า LSD. แต่จอห์นก็ยังคงยืนกรานปฏิเสธอย่างสม่ำเสมอ แม้จะได้ให้สัมภาษณ์ในรายละเอียดเกี่ยวกับยาที่เขา เคย ใช้. เขายืนยันว่าชื่อเพลงนั้นเอามาจากสิ่งที่ Julian เล่าเกี่ยวกับภาพเขียน. จูเลี่ยนเองรำลึกความหลังว่า “ผมไม่รู้ว่าทำไมผมถึงไปเรียกมันว่าอย่างนั้น หรือทำไมมันถึงเด่นออกมากว่าภาพเขียนอื่นๆของผม แต่เห็นได้ชัดว่าผมปิ๊ง Lucy แน่ๆตอนอายุเท่านั้น. ผมมักจะโชว์ทุกอย่างที่ผมสร้างหรือวาดที่โรงเรียนให้พ่อดู และอันนี้ก็เกิดไปจุดประกายไอเดียให้เพลงเกี่ยวกับ Lucy ที่บินอยู่บนฟ้ากับหมู่เพชร”.
Lucy O’ Donnell (ตอนนี้อายุ 36 (หนังสือเล่มนี้ออกพิมพ์ 1999) และทำงานเป็นครูสอนเด็กที่ต้องการการดูแลเป็นพิเศษ) อาศัยอยู่ใกล้ๆครอบครัว Lennon ใน Weybridge และเธอกับ Julian ก็เคยเป็นนักเรียนที่ Heath House โรงเลี้ยงเด็กที่ดำเงินงานโดยคุณป้าแก่ๆสองคนในบ้านยุค Edwardian ที่เต็มไปด้วยไม้เลื้อย. “ฉันจำ Julian ได้สมัยอยู่ที่โรงเรียน” Lucy บอก เธอไม่ได้รู้ตัวว่าได้เข้าไปอยู่เป็นตำนานในเพลง Beatles จนกระทั่งอายุสิบสาม. “ฉันยังจำเขาได้ดีมาก ยังจำหน้าเขาได้ชัดเจนอยู่เลย เราเคยนั่งโต๊ะข้างๆกัน โต๊ะนักเรียนแบบโบราณน่ะ. บ้านนั้นมันใหญ่มหึมาและเขาก็มีผ้าม่านหนักๆใหญ่ๆไว้แบ่งเป็นห้องๆ. Julian กับฉันเป็นคู่หูเด็กน้อยตัวแสบเลยล่ะ จากที่มีคนเขาบอกฉันน่ะนะ”.
จอห์นอ้างว่าภาพหลอนที่อยู่ในเพลงได้รับแรงบันดาลใจมาจาก “Wool And Water” อันเป็นบทๆหนึ่งในหนังสือของ Lewis Carroll ชื่อ Through The Looking Glass (ภาคต่อของ Alice In Wonder Land) ในที่ซึ่ง Alice ถูกพาล่องเรือพายไปในแม่น้ำโดยราชินีผู้กลายร่างไปเป็นแกะอย่างฉับพลัน.
สมัยจอห์นเป็นเด็ก Alice’s Adventures In Wonderland กับ Through The Looking Glass เป็นหนังสือที่จอห์นโปรดปรานทั้งสองเล่ม. เขาบอกว่าส่วนหนึ่งที่ทำให้เขารู้ว่าภาพหลอนที่เขาเห็นในวัยเด็กไม่ได้หมายความว่าเขาบ้า มาจากการอ่านหนังสือเหล่านี้เอง. “Surrealism สำหรับผมคือความจริง” เขาบอก “Psychedelic vision เป็นความจริงสำหรับผมและเป็นอย่างนั้นเสมอมา”.
ด้วยเหตุผลเดียวกัน รายการ The Goon Show อันเป็นรายการวิทยุแนวตลก จึงดึงความสนใจของจอห์นได้เป็นอย่างดี. สคริปท์ของรายการ The Goon Show แรกเริ่มเดิมทีได้รับการเขียนส่วนหลักๆโดย Spike Milligan นักเขียนตลกล้อเลียนผู้ มุ่งเป้าไปที่ความแออัดยุคหลังสงครามและทำให้ตลกแบบเหนือจริงเป็นที่นิยม. ตลกแบบแหกคอกที่ The Beatles ได้รับคำสรรเสริญนั้นได้อิทธิพลมาจาก The Goons อยู่หลายส่วน เช่นเดียวกับลักษณะทางงานเขียนและบทกวีของจอห์น. เขาบอก Spike Milligan ว่า Lucy in the Sky With Diamonds และเพลงอื่นๆอีกหลายเพลง มีส่วนได้รับแรงดลใจมาจากบทพูดของ Goon Show . “เราเคยพูดถึง plasticine ties ใน Goon Show และคำนี้ก็กระดืบเข้าไปอยู่ในเพลง Lucy ท่อนที่ว่า plasticine porters with looking glass ties” Mulligan ผู้ซึ่งเป็นเพื่อนกับ George Martin กล่าว เขาเคยนั่งอยู่ใน session การอัดเสียง Sgt.Pepper ครั้งหนึ่ง “ผมรู้จัก Lennon ค่อนข้างดีทีเดียว” เขาบอก “เขามักจะคุยเรื่อง comedy อยู่เสมอในอดีต. เขาเป็นแฟนเหนียวแน่นของ Goon Show. ไอ้สิ่งต่างๆเหล่านี้มันเลิกไปก็ตอนที่เขาแต่งงานกับ Yoko Ono น่ะแหละ. ทุกอย่างหยุดหมด. เขาไม่เคยถามหาผมอีกเลยหลังจากนั้น”.
เมื่อพอลมาถึง Weybridge เพื่อทำงานเพลงชิ้นนี้ จอห์นเพิ่งแต่งท่อนแรกกับท่อนคอรัสเสร็จเท่านั้น. ช่วงที่เหลือในการเขียนเพลงนี้ พวกเขาแลกกันใส่เนื้อและภาพของเพลง. พอลเป็นคนคิดเรื่อง newspaper taxi และ cellophane flower. ส่วนจอห์นเป็นคนคิด kaleidoscope eyes.
No comments:
Post a Comment