Friday, 20 March 2015

Rebel Heart




“Dial M for Madonna”

Madonna: Rebel Heart ****
Genre: Electro-Pop
Producer:  Avicii/ Diplo/ Blood Diamonds/ Billboard/ DJ Dahi/ Toby Gad/ Madonna/ Ariel Rechtshaid/ Sophie Ryan/ Tedder/ Kanye West
Released: 6 มีนาคม 2015

33....13....56

ตัวเลขจากซ้ายไปขวา : จำนวนปีนับจากปีแรกที่เธอออกอัลบั้มแรก (Madonna) ในปี 1982 จนถึงปีนี้.....จำนวนสตูดิโออัลบั้มทั้งหมดของเธอ...และอายุปัจจุบันของควีนออฟป๊อบหนึ่งเดียวตลอดกาล Madonna Louise Ciccone

ครั้งล่าสุดที่ผมได้มีโอกาสเขียนถึงงานของเธอ ต้องย้อนกลับไปที่อัลบั้ม Hard Candy ในปี 2008 ที่ประสบความสำเร็จพอสมควร แต่เมื่อมองย้อนกลับไปกลับแทบไม่เหลืออะไรในความทรงจำ นอกจากภาพปกอัลบั้มที่ท่านจะเห็นมาดอนน่าโพสท่าสุดเซ็กซี่นั่น ผมไม่ได้เขียนถึงเธอในอัลบั้มถัดมา MDNA (2012) ที่โด่งดังในระดับที่เจ๊แม่น่าจะพึงพอใจพ่วงด้วยความอื้อฉาวชุลมุนอีกชุดใหญ่ๆ

ใน Rebel Heart มาดอนน่าในวัยใกล้ 60 ดูผ่อนคลายขึ้นเล็กน้อย เธอยังไม่ยอมตกกระแสป๊อบ แต่ก็ไม่ได้ทำตัวล้ำหน้ายุคสมัย นี่เป็นอัลบั้มที่รู้สึกได้ว่าเธอทำเพลงในแบบที่เธออยากจะทำ มากกว่าทำเพลงในแบบที่เธออยากจะให้ฮิต บางสื่ออาจจะพยายามบอกว่ามันเป็น concept album ที่แยกเป็นสองธีมในชุดเดียวคือเพลงที่เป็นแนวขบถ (rebel) ฝั่งหนึ่ง และเพลงแห่งหัวใจ (heart) ในอีกฟาก แต่ผมคิดว่านั่นอาจเป็นการพยายามมองให้มันเป็นมากไปหน่อย

มาดอนน่าก็ยังคงเป็นมาดอนน่าคนเดิม เพลงของเธอยังวนเวียนอยู่กับเรื่องรักใคร่ ความ”มั่น”ของผู้หญิงคนหนึ่ง(หรือทั้งหมด) เรื่องเซ็กซ์ที่หวามสยิวถึงกึ๋น และถ้ามีเวลาว่าง เธอก็จะเดินไปแตะหัวข้ออื่นๆบ้าง เช่นเรื่องยาเสพติด, ปรัชญา และการครุ่นคิดอย่างลุ่มลึกในความหมายแห่งชีวิต (มีจริงๆนะ)

ผมฟัง Rebel Heart ด้วยความรู้สึกสบายๆ ไม่รู้สึกถูกกดดันด้วยโปรดักชั่นแรงๆเหมือนสองอัลบั้มก่อน แต่ก็ไม่ได้ติดหูประทับใจทันทีเหมือนอัลบั้มดิสโก้เขย่าฟลอร์ Confessions on the Dancefloor (2005) และเมื่อฟังผ่านพ้นรอบที่สาม ความดีงามและละเมียดละไมถึงขีดสุดของ Rebel Heart ก็เริ่มแสดงตนให้ประจักษ์ พูดอย่างไม่ลีลามากก็คือ มันไม่ใช่อัลบั้มป๊อบที่จะจับใจในทันที (ยกเว้นบางแทร็ค) แต่เป็นงานที่ต้องใช้เวลาละเมียดและพินิจพิเคราะห์ในเนื้อดนตรีและเนื้อหาพอสมควร แม้ว่ามันจะเป็นแค่งาน pop, EDM ในหน้าฉากก็ตามที

มาดอนน่าเริ่มทำงานนี้จริงๆจังๆในตอนต้นปี 2014 นี้เอง และนี่เป็นอัลบั้มที่เธอว่าจ้างชักชวนนักแต่งเพลงและโปรดิวเซอร์มาร่วมสังคายนามากมายเป็นพิเศษ ความที่เป็นคนที่เล่นกับสื่อเก่งมาตลอด มาดอนน่าใช้ประโยชน์จากอินเตอร์เน็ตในการปล่อยข่าวยั่วยวนถึงความคืบหน้าออกมาตามลำดับ รวมทั้งภาพปกที่เป็นหน้าเธอถูกมัดด้วยลวดสีดำ สื่อให้ถึงการยืนหยัดเอาชนะการผูกมัดใดๆ ที่แฟนๆเอาไปทำต่อกันจนเป็นเรื่องนิดหน่อย เมื่อลวดนี้ไปมัดอยู่บนผู้นำทางจิตวิญญาณอย่าง มาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์, เนลสัน แมนเดลล่า และ ราชาเร็กเก้ บ๊อบ มาร์ลีย์ แต่นั่นก็กลับกลายเป็นการกระพือข่าวชั้นดีให้ Rebel Heart และเจ๊เองก็ออกมายืดอกภูมิใจที่ได้รับการเปรียบเทียบกับบุคคลเหล่านี้ และย้ำว่าเธอเองก็เป็น “ผู้ต่อสู้เพื่อสันติภาพ” เช่นกัน

ทุกอย่างดูเหมือนจะดำเนินไปด้วยดี ก่อนที่จะเริ่มมีการสะดุด เริ่มจากการหลุดรั่วของเพลงในชุดนี้ที่ยังทำไม่เสร็จดีออกมาทางอินเตอร์เน็ตถึง 30 เพลงในเดือนธันวาคม 2014 เจ๊แม่ฉุนจัดกับกรณีนี้และเรียกมันว่าเป็นการ”ข่มขืน”ทางศิลปะ แต่มาดอนน่าแก้ลำด้วยการเร่งรีบขัดเกลาเพลงที่เหลือ (ด้วยตัวเอง เพราะตอนนั้นไม่มีโปรดิวเซอร์คนไหนว่าง) แล้วปล่อยอีพี 6 แทร็คออกมาทาง iTunes และก็ทำยอดดาวน์โหลดได้เป็นอย่างดี ก่อนที่ตัวอัลบั้มจริงจะมีกำหนดออกในเดือนมีนาคม 2015 ซึ่งเธอโปรโมตในโค้งสุดท้ายด้วยการแสดงในงานมอบรางวัลแกรมมี่และ Brit Awards แต่ในงาน Brit เจ๊ก็เป็นข่าวอีกครั้ง เมื่อผ้าคลุมของเธอสร้างปัญหา ทำให้มาดอนน่าถูกกระชากตกบันไดลงมาต่อหน้าแฟนเพลง เสียงร้องของเธอเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนที่เจ๊จะลุกขึ้นมาร้องต่อ ช่างเข้ากับเนื้อหาของเพลง ‘Living For Love’ ที่เธอกำลังแสดงอยู่จนบางคนคิดว่านี่เป็นหนึ่งในการแสดงหรือเปล่า (ไม่หรอกครับ เธอเจ็บจริงแน่นอน และสาบานว่าจะไม่ใส่ผ้าคลุมแบบนั้นในการแสดงอีกเด็ดขาด)

เรามาฟังเพลงกัน Rebel Heart ใน standard version จะมี 14 เพลง แต่ถ้าเป็น deluxe จะเพิ่มโบนัสมาให้อีกเต็มอิ่มถึง 5 แทร็ค ที่น่าแปลกก็คือ ไทเทิลแทร็คกลับเป็นหนึ่งใน 5 แทร็คนั้น สำหรับท่านที่ซื้อแผ่นเวอร์ชั่นของประเทศไทยไม่ต้องหนักใจ เพราะท่านจะได้ฟังทั้ง 19 แทร็คนี้เต็มๆในซีดีแผ่นเดียว แต่แฟนมาดอนน่าตัวแม่และพ่อคงไม่อยากหยุดแค่นี้ เป้าหมายน่าจะเป็น Super Deluxe Edition ที่จะเป็นซีดีแผ่นคู่ บรรจุทั้งหมด 25 แทร็ค

น่าเสียดายที่โปรดิวเซอร์หนุ่มสวีเดนคนดัง Avicii ที่มีข่าวว่าจะเป็นโปรดิวเซอร์หลัก เอาเข้าจริงก็มีผลงานเป็นแค่โปรดิวเซอร์ร่วมในเพลง Devil Pray อคูสติกป๊อบ-คันทรี่-EDM ที่มีกลิ่นของอีเล็คโทรนิก้าจากยุค ‘Music’ ติดมาด้วย เพลงต่อต้านการเสพสารต่างๆที่มาดอนน่าเขียนได้อย่างเหนือชั้น (แต่แอบหวั่นนิดๆว่าจะมีคนยึดเอาคอรัสของเพลงไปเป็นการชักชวนการดมกาวเสียนี่) และเสียงร้องของเธอก็สดใสวัยรุ่นเสียเหลือเกิน ที่น่าเสียดายเพราะรู้สึกได้ว่า pop sense ของ Avicii เหนือชั้นกว่าผลงานของโปรดิวเซอร์คนอื่นๆที่ทำงานในอัลบั้มนี้ แต่พวกเขาก็ทำได้ในแนวถนัด Kanye West แร็ปเปอร์ติสต์แตก(ง่าย) ได้จับเพลง Illuminati และ Holy Waterที่เต็มไปด้วยดนตรีที่แน่นหนืดและหนานุ่มด้วยรายละเอียดในสไตล์ของท่านยีซัส เพลงหลังนี่เนื้อหาสยิวกิ้วไม่น้อยเลย ไม่อยากคิดถ้าเจ๊ทำเอ็มวีออกมา คงได้หวิวกันไม่น้อยหน้า Justify My Love อีกเพลงที่เว้าเรื่องเซ็กซ์กันดื้อๆตั้งแต่ชื่อเพลงเลยก็คือ S.E.X. ในวัยขนาดนี้ จะหาผู้หญิงกี่คนในโลกที่ยังกล้าร้องเพลงเชิงกามคุณได้หน้าชื่นตาบานได้อย่างมาดอนน่าอีกเล่า?

เพลงสนุกๆชวนโยกและเต้นในสไตล์ของเจ๊ในอัลบั้มมีไม่มากไม่น้อย Living For Love ซิงเกิ้ลเปิดตัว มันเป็นเพลงแบบมาดอนน่า แบบ Like a Prayer, Express Yourself ที่จับประเด็นให้กำลังใจตัวเองแม้จะเจอหนักแค่ไหน หรือถ้าจะย้อนไปไกลกว่านั้น มันก็อาจจัดเป็นหลานเหลนของดิสโก้คลาสสิก I Will Survive เดาว่าเพลงนี้ก็คงถูกใจแฟนเพลงชาวสีม่วงที่มีมากมายของเจ๊อีกครา Unapologetic Bitch ออกสนุกสนานในแนวเร็กเก้ Bitch, I’m Madonna ได้ Nicki Minaj มาร่วมแร็ปเพิ่มสีสัน ส่วน Iconic กลับเป็นเพลงที่ดนตรีสร้างสรรค์เมามันส์ที่สุด ได้ทั้งไมค์ ไทสันอดีตแชมป์หมัดหนักมาตะโกนและ Chance the Rapper มาร่วมพ่น

ที่เหลือเป็นเพลงช้าๆหรือฟังสบายๆที่ก็น่าฟังทุกเพลง ตั้งแต่เพลงบรรยายความรู้สึกของเซเล็บอย่าง Joan of Arc, บัลลาดอกหักกลางเมืองใหญ่-Heartbreak City (การตั้งชื่อเพลงออกจะข่มเพลงดังของเอลวิส เพรสลีย์-Heartbreak Hotelอยู่) Hold Tight, Inside Out และ Wash Over Me ที่เป็นเพลงปิดท้ายใน standard edition แต่ใน deluxe จะปิดท้ายด้วย Messiah และ ไทเทิลแทร็ค Rebel Heart อย่างยิ่งใหญ่และสมบูรณ์แบบกว่ามาก เป็นอีกอัลบั้มที่ผมมีความเห็นว่า standard version คือเวอร์ชั่นที่ด้อยกว่าจนไม่น่าจะทำออกมาเลย

แฟนมาดอนน่าทุกเพศทุกวัยทุกยุคคงไม่มีทางพลาด Rebel Heart มันอาจจะไม่มีอะไรสร้างสรรค์แหวกแนวอีกแล้วสำหรับศิลปินวัยนี้ แต่คุณภาพของงานของควีนยังไม่ถดถอย ที่โดดเด่นมากในอัลบั้มนี้ก็คือความเป็นตัวของตัวเอง ไม่พยายามเกินไปนั่นแหละ สำหรับนักฟังป๊อบรุ่นใหม่ๆจะเรี่มจากชุดนี้สำหรับการศึกษาและสัมผัสงานของเธอก็ไม่เลวทีเดียว ฟังแล้วอย่าไปวิจารณ์อะไรเธอมากล่ะ เพราะคุณอาจได้รับคำตอบว่า...

“Bitch! I’m Madonna!”

Tracklist for Deluxe Edition

1.    Living For Love
2.    Devil Pray
3.    Ghosttown
4.    Unapologetic Bitch
5.    Illuminati
6.    Bitch I'm Madonna (feat. Nicki Minaj)
7.    Hold Tight
8.    Joan of Arc
9.    Iconic (feat. Chance the Rapper & Mike Tyson)
10.  HeartBreakCity
11.  Body Shop
12.  Holy Water
13.  Inside Out
14.  Wash All Over Me
--------------
15.  Best Night
16.  Veni Vidi Vici (feat. Nas)
17.  S.E.X.
18.  Messiah
19.  Rebel Heart




No comments: