"รักคนเหนื่อยเป็นบ้า รักหมาดีกว่าไม่เคยเถียง"
Norah Jones :The Fall ****(Blue Note-2009)
------------------------
แนวดนตรี-Pop, Art Rock, Roots
โปรดิวเซอร์- Jacquire King
แนวดนตรี-Pop, Art Rock, Roots
โปรดิวเซอร์- Jacquire King
อัลบั้ม “อกหัก” นั้นมักมีเสน่ห์เสมอ ไม่ว่าจะเป็น Blood On The Tracks ของ Bob Dylan, Here My Dear ของ Marvin Gaye หรือ Sea Change ของ Beck แน่ล่ะไม่มีเวลาไหนที่ศิลปินจะเขียนเพลงจากความรวดร้าวในรักได้อารมณ์ไปกว่าตอนที่เหตุการณ์นั้นมาประสบกับพวกเขาเอง! The Fall ของ Norah Jones ก็จัดเป็นหนึ่งใน Break-up album เพราะเธอเขียนและบันทีกเสียงอัลบั้มนี้ไม่นานหลังจากเลิกรากับแฟนหนุ่มมือเบสในวงของเธอ Lee Alexander หลังจากคบหากันมาหลายปี The Fall คือคอนเซ็ปท์อัลบั้มว่าด้วยสภาวะจิตใจของหญิงสาวผู้กำลังสับสนในความรักที่ไต่อยู่บนขอบเหวขาดสะบั้น โหยหาความอบอุ่นในสัมพันธ์ที่เธอคุ้นเคย และบทสรุปที่คลี่คลายด้วยชัยชนะและรอยยิ้มของสาวเจ้า
นี่เป็นอัลบั้มที่ 4 ของนอราห์ ลูกสาว (คนหนึ่ง) ของนักซีต้าร์ชื่อดังที่สุดในโลกชาวอินเดีย Ravi Shankar แต่เธอแทบไม่ได้ใช้ชื่อเสียงของคุณพ่อมาไต่เต้าวงการเลยแม้แต่น้อย อัลบั้ม Come Away With Me (2002) ที่เป็นการผสมผสานเพลงร้องแนว lounge jazz เข้ากับ country และ soul และเสียงร้องที่สวยหวานไม่มีใครเหมือนของเธอ-กลายเป็นปรากฏการณ์แห่งปี ทั้งชื่อเสียงและรางวัลต่างๆที่พร้อมใจกันเดินทางมาหาลูกครึ่งคนสวย ดังพรวดพราดอย่างนี้หลายคนออกจะเป็นห่วงว่าเธอจะเจอปัญหา second album syndrome ที่มักจะเกิดกับศิลปินหน้าใหม่ที่ทำอัลบั้มแรกออกมาประสบความสำเร็จมากๆ แต่นอราห์ไม่ออกอาการเกร็งไม่เห็น เธอกลับทำงานแบบไม่แยแสใครด้วยการนำแนวคันทรี่ออกนอกหน้าไปเลยใน Feels Like Home (2004) และก็ทำได้ดีเสียด้วย Not Too Late (2007) คือพัฒนาการอีกขึ้นที่ทุกเพลงเป็นเพลงที่เธอแต่งเองหรือร่วมแต่งทั้งสิ้นโดยไม่มีเพลง cover แม้ว่าโทนโดยรวมจะง่วงเหงาเกินไปนิด จนเริ่มมีสื่อตั้งฉายา (ไม่ต่างจากสื่อเมืองไทยเลย) เธอไว้น่ารักน่าขำว่า Snorah
The Fall ยังอยู่ในสังกัด Blue Note เหมือนสามอัลบั้มที่แล้ว นอราห์ดูสดใสน่ารักกว่าเดิมในวัย 30 และผมสั้นกำลังดี (ตามสูตรว่าหญิงอกหักมักชอบหั่นผมตัวเองด้วยเหตุผลบางประการ) ผลพวงจากการเลิกกับแฟน ทำให้เธอไม่ได้ใช้วงดนตรีเดิม The Handsome Band อีก นอราห์ใช้บริการจากกนักดนตรีหลากหลายแทบไม่ซ้ำทีมในแต่ละเพลง และบุคคลสำคัญที่มีส่วนในสุ้มเสียงของ The Fall ก็คือ โปรดิวเซอร์ Jacquire King ผู้เคยร่วมงานกับ Tom Waits, Kings of Leon และ Modest Mouse คุณเดาไม่ผิดหรอกครับว่าซาวนด์ของอัลบั้มนี้จะออกมาในแนวใด ถ้าคุณเคยฟังงานที่ King โปรดิวซ์ โดยเฉพาะ Mule Variations ของ Tom Waits แต่ข่าวดีก็คือ ตัวตนของนอราห์ในน้ำเสียงและเพลงที่เธอประพันธ์นั้นเข้มแข็งพอที่จะทำให้ทั้ง 13 เพลงใน The Fall แม้ว่าจะมีดนตรีในแบบที่นอราห์ไม่เคยทำมาก่อน.... แต่ฟังอย่างไรก็ยังเป็นนอราห์ โจนส์อยู่ดี ไม่ต่างอะไรกับการที่เธอเปลี่ยน look ตัดผมสั้นและทำตัว art ขึ้น แต่เราก็ยังจำเธอไม่ผิดตัว
ฟังรอบสองรอบแรกผมรู้สึกเหมือนกันว่าเธอเปลี่ยนไปเยอะจนน่าหวั่นว่าแฟนๆจะรับได้หรือไม่ แต่ไม่นานหลังจากนั้นก็หายกังวล แม้เธอจะล่องลอยอยู่ในดนตรีโลไฟร็อคที่กลาดเกลื่อนไปด้วยจังหวะ tribal drums เสียงกีต้าร์เอ็ฟเฟ็คฟุ้งฟ่องและออร์แกนหลอนประสาท ไม่มีร่องรอยของดนตรีเนี้ยบหรูคุณหนูผู้ดีแบบอัลบั้มแรก แต่แก่นของบทเพลงคือท่วงทำนอง เสียงร้อง และเนื้อหา ก็ยังเป็นสาวหวานเท่ๆคนเดิมของเราอยู่ เธอตัดสินใจถูกนะที่ยกเครื่องดนตรีใหม่หมด เพราะใน Not Too Late นั้นก็เริ่มได้กลิ่นของความตีบตันและซ้ำซากแล้ว
Chasing Pirates เพลงแรกและซิงเกิ้ลแรก เดินเรื่องด้วยคีย์บอร์ดริฟฟ์หกโน้ตตลอดเพลงและกลอง-เบสหนักอึ้ง นอราห์ร้องเองประสานเสียงเองและเล่น Wurlitzer (เปียโนไฟฟ้าโบราณ) ด้วย “and I don’t know how to slow it down/ Oh my mind’s racing from chasing pirates” เธอร้องบรรยายความวุ่นวายในหัวใจหญิงสาวด้วยเสียงเพราะๆที่ไม่ค่อยจะกลุ้มไปด้วยนักของเธอ สำหรับแฟนเก่าๆ นี่คือสองนาทีกว่าๆที่เธอแนะนำซาวนด์ใหม่ของอัลบั้มให้ลองฟังกันเลยว่ารับได้ไหม Even Though นอราห์แต่งร่วมกับเพื่อนเก่า Jesse Harris ทางเบสออกเร็กเก้ กีต้าร์พร่าก้องย้ำทีละโน้ต เสียงร้องยังลากช้าเหมือนเดิม Light As a Feather นอราห์แต่งร่วมกับ Ryan Adams แต่ถ้าไม่ทราบก่อนก็คงจะบอกได้ยาก นอราห์เล่นกีต้าร์ไฟฟ้าเองเพราะดีเพลงนี้ Young Blood ร็อคขึ้นมาหน่อย เนื้อยาวเหยียดที่นอราห์เขียนได้อย่างไหลลื่น I Wouldn’t Need You เซ็กซี่ โหยหา และเศร้าสุดๆ ใช้การเปรียบเทียบที่แสนง่ายบรรยายความปรารถนาของหัวใจได้อย่างสุดซึ้ง และตอกย้ำด้วยเพลงแห่งการรอตามชื่อ Waiting ที่พ่อ Lee ฟังแล้วคงอึ้ง “And I’m still here waiting/ Waiting for you to come home.” It’s Gonna Be เป็นเพลงที่ก้าวร้าวที่สุดในอัลบั้มโดยเฉพาะการกระหน่ำกลองของ Robert DiPietro You Ruined Me กลายเป็นเพลงที่ดีที่สุดที่อยู่กลางอัลบั้ม เธอไม่อายที่จะยอมเป็น loser ที่ปราชัยย่อยยับในอุ้งมือของคนรัก “but I liked it.”
อัลบั้มยุคซีดีนี้ ส่วนใหญ่มักจะมาแผ่วเอาในช่วงครึ่งหลัง The Fall ก็ทำท่าจะเป็นใน Back to Manhattan แต่แล้วสี่เพลงหลังจากนั้นมันก็กลับมาเข้าฝักอีก December เบาบางหวานซึ้งด้วยดนตรีสามชิ้นเรียบง่าย Stuck เขียนเนื้อเพลงแบบ ballad เล่าถึงการกลับมาเจอคนรักเก่าอีกครั้งในสถานการณ์ไม่คาดฝัน และสรุปด้วยประโยค ‘Why don’t you tell me?” แต่ใน Tell Yer Mama ดูเธอจะทำใจได้ เป็นการหลอกด่าทั้งตัวผู้ชายและบุพการีอย่างแสนจะสุภาพสตรี ประกาศชัยชนะอย่างหมดจดเลยคร้าบ!
นอราห์ปิด The Fall ด้วยการแนะนำผู้ชายคนใหม่ที่แสนดี ไม่โต้เถียง ไม่เคยบ่น และรักเธอมากๆใน Man of the Hour ผู้ชายคนนั้นหมอบอยู่บนหน้าปกอัลบั้มด้วยครับ
Tracklist
1. "Chasing Pirates" Norah Jones 2:40
2. "Even Though" Jones, Jesse Harris 3:52
3. "Light As a Feather" Jones, Ryan Adams 3:52
4. "Young Blood" Jones, Mike Martin 3:38
5. "I Wouldn't Need You" Jones 3:30
6. "Waiting" Jones 3:31
7. "It's Gonna Be" Jones 3:11
8. "You've Ruined Me" Jones 2:45
9. "Back to Manhattan" Jones 4:09
10. "Stuck" Jones, Will Sheff 5:15
11. "December" Jones 3:05
12. "Tell Yer Mama" Jones, Jesse Harris, Richard Julian 3:25
13. "Man of the Hour" Jones 2:56
2. "Even Though" Jones, Jesse Harris 3:52
3. "Light As a Feather" Jones, Ryan Adams 3:52
4. "Young Blood" Jones, Mike Martin 3:38
5. "I Wouldn't Need You" Jones 3:30
6. "Waiting" Jones 3:31
7. "It's Gonna Be" Jones 3:11
8. "You've Ruined Me" Jones 2:45
9. "Back to Manhattan" Jones 4:09
10. "Stuck" Jones, Will Sheff 5:15
11. "December" Jones 3:05
12. "Tell Yer Mama" Jones, Jesse Harris, Richard Julian 3:25
13. "Man of the Hour" Jones 2:56
No comments:
Post a Comment