Saturday, 21 March 2015

Blues Breakers with E.C.

"Blues Breakers John Mayall with Eric Clapton"-{Deluxe Edition}
--------------------
เอริก แคลปตันได้ร่วมงานกับจอห์น มายัลล์และวงบลูส์เบร็กเกอร์สเป็นช่วงสั้นๆสองช่วง (ระหว่างนั้นแคลปตันขอลาออกจากวงเพื่อออกตะลอนทัวร์รอบโลกแบบเป้สะพายหลัง แต่พอเงินหมดเขาก็ขอกลับเข้าวงอีกครั้ง) และมีการบันทึกเสียงไว้แค่อัลบั้มเดียวคือ 'Beano' album นี้ (ชื่อมาจากหนังสือการ์ตูนที่แคลปตันนั่งเต๊ะอ่านอยู่ที่หน้าปก) แต่มันคืองานคลาสสิกของบริทิชบลูส์ แคลปตันเล่นกีต้าร์กิบสันเลสพอลผ่านแอมป์มาร์แชลด้วยน้ำเสียงที่เข้มข้นกรีดบาด มันเป็นเสียงที่ไม่เคยมีใครได้ยินมาก่อน ระหว่างนั้นเริ่มมีแฟชั่นการเอาสีไปพ่นตามสถานีรถไฟและท้องถนนในอังกฤษ ไม่ได้ไล่หรือต่อต้านใคร แต่มันอ่านได้ว่า "แคลปตันคือพระเจ้า" อีกฉายาที่แคลปตันได้รับจากแฟนๆคือ "พ่อมือช้า" หรือ Slowhand ที่มาจากลีลาการเปลี่ยนสายกีต้าร์อย่างใจเย็นบนเวทีของเขา แคลปตันทำสายขาดประจำ ผลมาจากการดันสายอย่างรุนแรงในการโซโลของเขา
ลืมเล่าไปว่าแคลปตันเพิ่งลาออกจาก The Yardbirds มาเพราะเขาเห็นว่าวงจะเล่นป๊อบมากเกินไปแล้ว ที่เขาต้องการคือการเล่นบลูส์เข้มๆ ซึ่งต้องบอกได้เลยว่าการที่เขามาอยู่กับมายัลล์นั้นเขามาถูกที่แล้ว
บทเพลงในอัลบั้มนี้(1966) เป็นการผสมผสานระหว่างเพลงบลูส์สแตนดาร์ดของศิลปินอื่นๆและการแต่งเองของจอห์น มายัลล์ (จอห์นเล่นคีย์บอร์ดและฮาร์โมนิกาเป็นหลัก) จอห์น แมกวี่ อนาคต Fleetwood Mac เล่นเบส Hugie Flint ที่ตำแหน่งกลอง และมีนักดนตรีสนับสนุนด้านเครื่องเป่าอีกนิดหน่อย เพลงที่น่าสนใจมากคือ All Your Love เพลงเปิดอัลบั้มที่แคลปตันโชว์ซาวนด์ใหม่ของเขาอย่างสะรูหู ผลงานการประพันธ์ของ Willie Dixon/Otis Rush, What I'd Say เพลงของเรย์ ชาร์ลส์ที่นำมาเล่นในแบบบลูส์/ร็อคได้สนุก แถมมีช่วงโซโลกลองของฟลินต์ที่แคลปตันอาจจะได้ไอเดียไปใช่กับ Cream ในเวลาต่อมา คุณจะได้ฟัง Ramblin' On My Mind ที่เป็นการเปิดตัวเสียงร้องของแคลปตันเป็นครั้งแรกในการบันทึกเสียง ซึ่งน่าประหลาดที่เขาร้องได้ยอดเยี่ยมไปเลยล่ะ อีกเพลงที่ผมชอบมากคือเพลงบรรเลงของ Freddie King 'Hideaway' ที่แคลปตันเป็นพระเอกเต็มจอ
พิเศษสุดคือเวอร์ชั่น Live ของ Have You Ever Loved A Woman บันทึกเสียงที่ Flamenco Club ในลอนดอนเมื่อวันที่ 30 เมษายน 1966 คุณภาพเสียงสุดแสนจะโลไฟ เสียงร้องของมายัลล์เหมือนร้องผ่านโทรศัพท์ แต่การขยี้อารมณ์บนสายกีต้าร์ของแคลปตันในเพลงนี้สุดยอดจนไม่อาจบรรยายเป็นตัวหนังสือ ได้โปรดหามาฟังกัน (สำหรับท่านที่ยังไม่เคย) แล้วท่านอาจจะอยากเอาสเปรย์ไปพ่นที่ไหนสักแห่งบ้างก็ได้ หลังจากนั้นหลายปี แคลปตันนำเพลงนี้มาเล่นอีกครั้งเพื่อระบายความอัดอั้นในหัวใจที่ปวดร้าวสำหรบความรักที่เขามีให้ภรรยาของเพื่อนรักในอัลบั้ม Layla

No comments: