Blur: Midlife A Beginner’s Guide To Blur (2009) ****
(เห็นว่าพวกเค้ากำลังจะออกอัลบั้มใหม่....บทความนี้เขียนไว้เมื่อหกปีก่อนครับ)
-------------------------
Blur: Best of งานรวมเพลงของ blur ที่ออกในปี 1999 ในความเห็นของผมจัดเป็น compilation album ที่สมบูรณ์แบบที่สุดชุดหนึ่งในวงการดนตรี ด้วยเหตุผลง่ายๆคือ blur มีเพลงชั้นยอดจำนวนมากพอที่จะนำมาบรรจุในซีดีหนึ่งแผ่น และเพลงเหล่านั้นก็ถูกนำมาใส่ใน best of เกือบทั้งหมด ขยายความว่า บางวงนั้นมีเพลงเด็ดๆไม่มากพอทำให้งานรวมเพลงต้องใส่เพลงที่ไม่โดดเด่นนักลงไปด้วยส่งผลให้งานนั้นด้อยค่าลง และบางวงหรือบางศิลปินนั้นทั้งๆที่มีเพลงดีๆเหลือเฟือ แต่พอจะทำอัลบั้มรวมฮิตทั้งทีกลับเกิดอาการหวงของ ไม่ปล่อยทีเด็ดออกมาทั้งหมด สิ่งเหล่านี้ไม่เกิดขึ้นกับ blur: best of แต่อย่างใด มันยังเป็นอัลบั้มที่มีการเรียงเพลงได้อย่างสมบูรณ์แบบต่อเนื่องทางอารมณ์โดยไม่ได้เรียงตามวันเวลาที่มันได้ถูกผลิตออกมาแต่อย่างใด
ในเมื่อ best of มันประเสิรฐขนาดนั้นแล้วจึงมีความจำเป็นอะไรที่จะต้องมี Midlife A Beginner’s Guide To Blur ออกมาอีก? คงปฏิเสธไม่ได้ว่าเหตุผลหนึ่งก็คือเรื่องของธุรกิจ ที่อัลบั้มรวมเพลงสองแผ่นคู่นี้ออกมาในช่วงที่ทางวงกำลังกลับมาตระเวณแสดงกันอีกครั้งในแบบครบวง หลังจาก Graham Coxon มือกีต้าร์ยินยอมกลับมาคืนดีกับวงอีกครั้ง หลังจากที่เขาลาออกไปด้วยเหตุผลทางทัศนคติและอื่นๆก่อนที่วงจะออกงานอัลบั้มสุดท้าย Think Tank ในปี 2003 ที่แม้จะไม่ใช่งานที่เลวร้าย แต่การขาดเสียงกีต้าร์ของ Graham ไปนั้นทำให้มันกลายเป็นงานเดี่ยวหมองๆของ Damon ไปอย่างช่วยไม่ได้ (Graham เป็นนักกีต้าร์ร็อครุ่นกลางเก่า-ใหม่ที่ฝีมือดีที่สุดคนหนึ่งเท่าที่เคยฟังมา)
จะว่า Midlife A Beginner’s Guide To Blur คืองานรวมฮิตที่ขยายจาก best of เป็นสองแผ่นก็ไม่เชิง เพราะหลายเพลงที่เป็นเพลงดังเพลงเด่นของวงกลับตกสำรวจไปอย่าง There’s No Other Way, Country House หรือ Charmless Man โดยที่ไม่ใช่ด้วยเหตุผลของพื้นที่ในแผ่นซีดีแต่อย่างใด (เพราะเวลารวมของซีดีก็ยังมีเหลือพอที่จะใส่เพลงเหล่านี้) แต่มันเป็นความจงใจที่จะให้อัลบั้มรวมเพลงนี้ตีแผ่ความเป็น blur ออกมาในทั้งสองด้าน : วงบริทป๊อบที่ทำเพลงฮิตติดหูน่าฟัง และ วงร็อคที่ท้าทายกับการผจญภัยทางดนตรีในทุกรูปแบบ พูดง่ายๆคือให้มันมีทั้งเพลงฟังง่ายและยากอยู่เท่าๆกัน และก็อย่างที่ชื่ออัลบั้มบอกไว้ นี่คือบทแนะนำให้ผู้ฟังที่ไม่เคยสัมผัสดนตรีของพวกเขาได้ลองเสพกับดนตรีแบบ blur blur หาใช่ the definitive หรือ ultimate collection แต่อย่างใด ดังนั้นแฟนๆไม่ควรจะโวยวายว่าทำไมไม่มีเพลงนั้นเพลงนี้ อย่างไรก็ตามการที่อัลบั้มนี้ใส่เพลง Popscene ที่ไม่เคยรวมอยู่ในอัลบั้มใดๆของพวกเขามาก่อน (ออกเป็นซิงเกิ้ลอย่างเดียว) ก็มองได้ว่าเป็นการสมนาคุณแก่แฟนเพลงหรืออีกนัยหนึ่งการบังคับซื้อทั้งๆที่มีอีก 24 เพลงครบแล้ว!
Blur คือตำนานที่มีชีวิตของ Britpop ตั้งวงกันมาตั้งแต่ปี 1988 โดยมีผู้นำหลักคือ Damon Albarn (ร้องนำ,คีย์บอร์ด) และ Graham Coxon (กีต้าร์) พวกเขาเริ่มต้นกันด้วยแนวดนตรีที่เรียกกันว่า Madchester และ Shoegazing โดยได้รับอิทธิพลในการเขียนเพลงจาก The Beatles, The Kinks และ XTC ก่อนที่ blur จะมีพัฒนาการในทางดนตรีไปอีกหลายขั้นตอน ทั้งในแนว disco, electronic, lo-fi และ African ในช่วงสูงสุดของทางวงและ Britpop กลางยุค 90’s blur ขับเคี่ยวในเชิงความนิยมกับ Oasis อย่างสนุก สื่อในอังกฤษถึงกับตั้งชื่อว่าเป็น ‘The Battle of Britpop’ เมื่อ blur และ oasis ออกซิงเกิ้ล มาชนกันในวันเดียว และผลก็คือ Country House ของ blur เฉือนชนะ Roll With It ของ Oasis ไปในแง่ยอดขาย
เมื่อมองย้อนกลับไปการนำดนตรีของ blur และ oasis มาเปรียบกันอาจจะเป็นเรื่องที่ไม่สมควร เพราะสองวงนี้มีแนวทางทีค่อนข้างแตกต่างกัน แต่ที่แน่ๆคือดนตรีของ blur มีการผสมผสานของดนตรีหลากเผ่าพันธุ์และการเคลื่อนไหวของพัฒนาการมากกว่า oasis นั่นหมายความว่าท่านต้องเตรียมตัวรับมือกับเพลงในหลายรูปแบบจาก Midlife ตั้งแต่ psychedelic lo-fi ballad อย่าง Beetlebum, Disco rock แบบ Girls and Boys, Punk singalong attitude ของ Song2,Gospel ใน Tender ,Orchestral anthem ในแบบของ For Tomorrow, The Universal ไปจนถึง alternative pop อย่าง Coffee & TV.. และอีกมาก น่าทึ่งเหลือเกินที่วงดนตรีวงหนี่งจะทำเพลงได้มากมายรูปแบบอย่างนี้ และยังทำได้ดีในทุกสไตล์ที่พวกเขาจับต้อง แต่แฟน oasis อย่าเพิ่งค้อน เพราะอย่างไรก็ตามสุดท้ายแล้วเพลงของพี่น้องกัลลาเกอร์ก็เข้าถึงจิตใจผู้ฟังและได้รับความนิยมมากกว่าเพลงแบบ blur หลายเท่านัก
ถ้าท่านผู้อ่านไม่มีงานของ blur มาก่อน นี่เป็นการเริ่มต้นที่ดีที่สุดในการฟังเพลงของวงนี้ เมื่อเทียบกับ best of ที่แม้จะยอดเยี่ยม แต่ก็หนักไปทางเพลงฮิตติดหู และเชื่อว่าเมื่อท่านได้ฟังงานของสี่หนุ่มนี้แล้วจาก “ไกด์” 25 เพลงนี้ มันก็เป็นไปได้สูงที่ท่านจะต้องตามหางานเก่าๆของพวกเขามาเก็บจนครบ
การแสดงของวงที่ Hyde Park และ Glastonbury เมื่อปลายเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมาประสบความสำเร็จอย่างสูง ทำให้มีความหวังว่าพวกเขาน่าจะทำงานใหม่ๆกันออกมาอีก ก็ทำไมจะไม่ให้หวังเล่าในเมื่อพวกเขาบอกว่าที่ผ่านมานั้นมันแค่ midlife ของ blur เท่านั้นเอง
Tracklist
Disc one
1. "Beetlebum" - 5:04
2. "Girls & Boys" - 4:19
3. "For Tomorrow" - 6:00
2. "Girls & Boys" - 4:19
3. "For Tomorrow" - 6:00
4. "Coffee & TV" - 5:19
5. "Out of Time" - 3:52
6. "Blue Jeans" - 3:53
7. "Song 2" - 2:01
8. "Bugman" - 4:51
9. "He Thought of Cars" - 4:16
10. "Death of a Party" - 4:15
11. "The Universal" - 3:59
12. "Sing" - 6:01
13. "This Is a Low"- 5:00
6. "Blue Jeans" - 3:53
7. "Song 2" - 2:01
8. "Bugman" - 4:51
9. "He Thought of Cars" - 4:16
10. "Death of a Party" - 4:15
11. "The Universal" - 3:59
12. "Sing" - 6:01
13. "This Is a Low"- 5:00
Disc two
1. "Tender" - 7:42
2. "She's So High" - 3:50
3. "Chemical World" - 3:53
4. "Good Song" - 3:06
5. "Parklife" - 3:07
6. "Advert" - 3:44
7. "Popscene" - 3:15
8. "Stereotypes" - 3:11
9. "Trimm Trabb" - 5:37
10. "Badhead" - 3:28
11. "Strange News From Another Star" - 4:03
12. "Battery In Your Leg" - 3:20
2. "She's So High" - 3:50
3. "Chemical World" - 3:53
4. "Good Song" - 3:06
5. "Parklife" - 3:07
6. "Advert" - 3:44
7. "Popscene" - 3:15
8. "Stereotypes" - 3:11
9. "Trimm Trabb" - 5:37
10. "Badhead" - 3:28
11. "Strange News From Another Star" - 4:03
12. "Battery In Your Leg" - 3:20
No comments:
Post a Comment