My Macca Valentine
----------------
ขยันกว่านี้มีอีกไหม? ในวัย 72 ปี เซอร์ พอล แมคคาร์ทนีย์ ยังเต็มไปด้วยไฟในการที่จะเซอร์ไพรซ์แฟนเพลงไม่หยุดย่อน เช้าวันวาเลนไทน์ที่ผ่านมา (14/2/2015) พอลประกาศว่าจะเล่นคอนเสิร์ตเล็กๆฉลองวันแห่งความรักที่ Irving Plaza ในนิวยอร์คในคืนนั้น โดยเขาขายบัตรเพียงไม่กี่ร้อยใบราคาเพียงใบละ 40 เหรียญ, ใครมาก่อนได้ก่อน
ที่น่าสนใจคือ Irving Plaza นี้เล็กมาก จุได้แค่ประมาณ1,000คน พอลคงอยากกลับไประลึกถึงบรรยากาศแบบ Cavern อีกครั้ง การแสดงแบบนี้พอลจะได้ใกล้ชิดกับคนดูไม่เหมือนกับเล่นในอรีน่า แต่นั่นก็หมายความว่าเขาไม่อาจมี"ตัวช่วย"อย่างจอวิดีโอขนาดยักษ์ด้านหลัง หรือบรรดาพลุไฟและเลเซอร์ต่างๆ พอลและลูกวงต้องรับมือกับแฟนๆพันคนด้วยฝีมือล้วนๆ และแน่นอนว่าพอลเอาอยู่ นี่เป็นการแสดงที่บ้าคลั่งเต็มไปด้วยพลังแห่งร็อคแอนด์โรลและไม่มีร่องรอยสักนิดของความน่าเบื่อหน่าย
พอลและพรรคพวกขึ้นเวทีตอนห้าทุ่ม และเริ่มการแสดงด้วยเพลง 'Eight Days A Week' เพลงที่ช่วงหลังเขาชอบเอามาเล่นเปิดการแสดงบ่อยๆ แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งอื่นๆ เขาไม่ได้เป็นพอลตัวเล็กๆอยู่ห่างจากคนดูเป็นกิโลๆ แต่นี่เขายืนอยู่ตรงนั้น ตัวเป็นๆ และตอบรับทุกเสียงเชียร์จากฝูงชนตรงหน้า สองสามเพลงแรกที่เขาเล่น พอลถึงกับต้องหยุดระหว่างเพลงพักใหญ่ๆรอให้เสียงปรบมือสนั่นหวั่นไหวเบาบางลงถึงจะขึ้นเพลงต่อไปได้ งานนี้มีคนดังๆมาไม่น้อยทีเดียว อาทิท่านวุฒิสมาชิก Cory Booker, Steven Van Zandt แห่ง E Street Band หรือ Lorne Michaels, Fred Armisen และ Maya Rudolph แห่ง Saturday Night Live แต่ที่มากที่สุดก็คือแฟนเพลงทั่วไปที่แทบไม่เชื่อสายตาตัวเองที่จะได้มีโอกาสมีส่วนร่วมในเหตุการณ์แบบนี้
หลังจากเล่นไป 4 เพลง พอลก็ประกาศว่ามีการเปลี่ยนแปลงอะไรนิดหน่อยจากเซ็ตลิสต์ปกติของเขา "เราจะต่อกันด้วยเพลงแรกๆที่เราแต่งกัน นานแสนนานมาแล้ว ใน Bethlehem" เขากล่าวติดตลก พอลหมายถึงเพลง 'One After 909' ที่เขากับจอห์น เลนนอน เขียนกันไว้สมัยอยู่ลิเวอร์พูลไม่นานนักหลังจากพวกเขารู้จักกันในช่วงปลายทศวรรษ 50's และมันเป็นเพลงที่พอลนำมาเล่นบนเวทีไม่กี่ครั้งในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา จังหวะร็อคไหลลื่นของมันเหมาะนักกับบรรยากาศ rock-club ในคืนนี้ ดังนั้นเขาเลยต่อด้วยเพลง cover ของ Carl Perkins 'Matchbox' ที่พอลลงมือโซโลกีต้าร์ในแนวร็อคอะบิลลี่อย่างดุดันด้วยตนเอง และหลังจากนั้นไม่นานก็เป็นคิวของ 'It's So Easy' เพลงเก่าของ Buddy Holly and the Crickets ที่พอลบอกกับคนดูว่า "ส่วนมากแล้วเรามักจะเล่นเพลงพวกนี้กันตอนซาวนด์เช็ค" มันเห็นได้ชัดว่าเขาสนุกแค่ไหนกับการเล่นเพลงที่เป็นแรงบันดาลใจเก่าๆเหล่านี้โดยไม่ต้องกังวลว่าจะต้องส่งพลังไปให้คนทั้งสเตเดี้ยมใหญ่ๆได้รับ
นั่นคืออารมณ์ของค่ำคืนนี้ ทั้งเพลงฮิตและมนต์เสน่ห์ของแมคคาร์ทนีย์โชว์ เพียงแต่ดูสบายๆกว่าปกติเท่านั้น จะมีที่ไหนอีกล่ะที่คุณจะได้เห็นเขาต่อปากต่อคำกับแฟนเพลงที่จะขึ้นมาบนเวที? "เอางี้ดีไหม นายอยู่ตรงนั้นและฉันอยู่ตรงนี้" เขาบอกกับแฟนคนนึงที่กำลังทำท่าจะขึ้นมาบนเวทีหลังจบเพลง 'We Can Work It Out' "ฉันมีรปภ.นะที่รัก!" บทสนทนาของเขากับคนดูในช่วงระหว่างเพลงก็ดูมิอิสระและบ้าๆบอๆกว่าที่เคยมา มีตอนนึงที่เขาให้ทฤษฎีเกี่ยวกับเบสฮอฟเนอร์ตัวแรกของเขาที่ถูกขโมยไป (เขาจินตนาการว่ามีไอ้ขี้เมาคนนึงเอามันไปซ่อนไว้ที่ไหนซักแห่งในแถบบ้านนอกของเยอรมัน)
เมื่อมาถึงเพลงร็อคที่หนักขึ้นอย่าง 'Jet', 'Let Me Roll It' และ 'Back In The U.S.S.R.' บรรยากาศที่เบียดแน่นในห้องบอลรูมก็ยิ่งทำให้มันฟังออกมายิ่งใหญ่สุดๆ แต่ก็ยังมีพื้นที่ให้ช่วงเวลาอ่อนหวานอย่าง 'Every Night' ที่ใช้เสียงอคูสติกสะกดแฟนเพลง เป็นช่วงที่โรแมนติกที่สุดแห่งราตรี และไม่มีอะไรเทียบได้กับท่อน singalong ใน 'Hey Jude' ที่เป็นเพลงปิดท้าย main set มันไม่เหมือนกับการได้ยินมันในอรีนา การร้องร่วมกันใน Irving Plaza คุณจะรู้สึกเหมือนทุกๆคนได้ร่วมมีส่วนในการเฉลิมฉลองนี้มันพิเศษจริงๆ และพอลก็รู้สึกเช่นนั้นเหมือนกัน ก่อนหน้านี้ไม่นานตอนเขาบอกให้คนดูร้องท่อน beep-beep, beep-beep, yeah ใน 'Drive My Car' เขายิ้มและบอกว่า "นั่นมันยอดมาก ผมรักสิ่งนี้จัง"
พอลออกมาอังกอร์ด้วย Abbey Road Medley... 'Golden Slumbers'/'Carry That Weight'/'The End'. และลงจากเวทีไปตอนประมาณตี 1 แฟนเพลงเดินออกจากพลาซาไปด้วยความเต็มอิ่มและมึนงง ราวกับทุกอย่างเป็นความฝัน....
Set list:
"Eight Days a Week"
"Save Us"
"All My Loving"
"One After 909"
"Matchbox" (Carl Perkins cover)
"Let Me Roll It"
"Nineteen Hundred and Eighty Five"
"My Valentine"
"Maybe I'm Amazed"
"I've Just Seen a Face"
"It's So Easy" (Buddy Holly cover)
"Every Night"
"Another Day"
"We Can Work It Out"
"And I Love Her"
"New"
"Lady Madonna"
"Jet"
"Drive My Car"
"Ob-La-Di, Ob-La-Da"
"Back in the USSR"
"Let It Be"
"Hey Jude"
"Save Us"
"All My Loving"
"One After 909"
"Matchbox" (Carl Perkins cover)
"Let Me Roll It"
"Nineteen Hundred and Eighty Five"
"My Valentine"
"Maybe I'm Amazed"
"I've Just Seen a Face"
"It's So Easy" (Buddy Holly cover)
"Every Night"
"Another Day"
"We Can Work It Out"
"And I Love Her"
"New"
"Lady Madonna"
"Jet"
"Drive My Car"
"Ob-La-Di, Ob-La-Da"
"Back in the USSR"
"Let It Be"
"Hey Jude"
"Golden Slumbers"
"Carry That Weight"
"The End"
"Carry That Weight"
"The End"
เรียบเรียงจาก rollingstone.com
No comments:
Post a Comment