Wednesday 22 April 2015

๖ เหตุผลที่คุณไม่ควรพลาดการไปชม "โหมโรง เดอะ มิวสิคัล"



หัวค่ำวันพุธที่ ๒๒ เมษายน ๒๕๕๘ ผมได้รับเกียรติจากคุณ Jack Kanit ให้ได้มีโอกาสเข้าชมการแสดงละครเวทีมิวสิคัลเรื่องนี้ โดยได้คู่ควงในงานนี้เป็นอาจารย์ส่วนตัวของผม: พี่สมบูรณ์ งามสุริยโรจน์ แฟนพันธุ์แท้บีจีส์ และเจ้าของผลงานอมตะ "30 ปี เดอะ บีทเทิลส์" ในสตาร์พิคส์เมื่อ ๒๐ ปีก่อน

รอบนี้เป็นรอบพิเศษ ไม่มีผู้ชมที่แท้จริง (มีแต่พวกดูฟรี เอ๊ย สื่่อมวลชน และทีมงาน) เพราะเป็นคืนที่พวกเขาเล่นเพื่อถ่ายทำวิดีโอไปด้วย และถือเป็นการซ้อมใหญ่ก่อนการแสดงจริงอีกครั้งในวันที่ ๒๓ หลังจากพักไปหลายวันในช่วงสงกรานต์

คุณแจ็คถามผมกับพี่สงกรานต์ เอ๊ย สมบูรณ์ว่า มีปัญหาอะไรไหม กับการชมในเวอร์ชั่นนี้ เพราะอาจจะไม่ได้บรรยากาศจริงๆของคนดูเป็นหมื่นเป็นแสน(เวอร์แระ) และต้องรำคาญกับกล้องที่วิ่งไปวิ่งมาบ้าง แต่เราก็ไม่มีปัญหาอะไร ดีเสียอีกที่คนไม่เยอะและได้เห็นเบื้องหลังอะไรๆด้วย

พี่สมบูรณ์บอกกับคุณแจ็คก่อนว่า ไม่เป็นไรหรอก ผมดูเป็นไอเดียเฉยๆ และอย่าว่านะ ถ้าผมจะกลับก่อน

ถ้าท่านเคยดูภาพยนตร์เรื่องนี้ที่โด่งดังมากเมื่อหลายปีก่อน ก็ไม่ต้องกังวลว่าจะต้องมาดูอะไรซ้ำซาก เพราะรูปแบบของละครเพลงเวทีทำให้มันมีอะไรแตกต่างไปจากภาพยนตร์จอเงินมากมาย และยังมีเนื้อหาและการตีความที่ได้มุมมองใหม่ๆอีก

แต่แก่นของความเป็น"โหมโรง" ยังอยู่ นั่นคือความสมดุลย์ของเสรีภาพในการแสดงออก, รากของวัฒนธรรม และความทรนงในความเป็นมนุษย์

ท่านควรไปชมละครเวทีเรื่องนี้ไหม ผมคิดว่าควร และนี่คือ ๖ เหตุผลที่ผมพอจะนึกได้

๑.การแสดงของศิลปินแห่งชาติ สุประวัติ ปัทมสูต ที่รับบท "ศร ศิลปบรรเลง" หรือ "หลวงประดิษฐไพเราะ" ในวัยชรา ในวัย ๗๗ ปี ท่านรับบทนี้ได้อย่างเหมาะสมและยิ่งใหญ่ ทั้งบทพูด การร้องเพลง และการแสดงดนตรี ที่ทำให้เราเชื่อไปเลยว่ากำลังดู"ครูศร" เล่นจริงๆ ถ้าผมคิดไม่ผิด มีบางประโยคที่ท่านพูดพลาดตะกุกตะกักไปหน่อย และทีมงานด้านหลังก็คุยกันว่า คงต้องถ่ายซ่อมฉากนี้ (แอบได้ยิน) แต่ผมกลับคิดว่านั่นเป็นความผิดพลาดที่ทำให้ดูเป็นธรรมชาติของคนชราวัยนั้น และสมควรปล่อยมันไว้อย่างนั้น

๒.ฝีมือระนาดของพระเอก "อาร์ม" กรกันต์ สุทธิโกเศศ ที่ท่านต้องไปดูด้วยตาและฟังด้วยหู โดยเฉพาะฉากดวลระนาดเอกกับ"ขุนอิน"ในไคลแมกซ์ของเรื่อง มหัศจรรย์ยิ่ง ยังไม่นับหน้าตาอันหล่อเหลาเอาเรื่อง และเสียงร้องเพลงที่ไม่ธรรมดาอีกต่างหาก

๓.เสียงร้องสะกดโลกของ "แนน" สาธิดา พรหมพิริยะ ที่แม้จะมีบทบาทไม่มากนัก แต่ทุกครั้งที่เธอเปล่งเสียงหวานกังวานก้องอันสุดจะสมบูรณ์แบบออกมา ทุกอย่างในโรงละครก็หยุดนิ่งและหมดความสำคัญไป

๔. การกำกับศิลป์ที่ทำได้อย่างมีรสนิยม,ได้บรรยากาศ และสร้างสรรค์ รวดเร็วทันใจ ตื่นตาตื่นใจ รวมถึงบทเพลงประพันธ์ใหม่ที่ทั้งเล่าเรื่องและให้ความบันเทิง ทำได้ดีไม่แพ้สากลเลยครับ

๕.การแสดงของตัวประกอบหลายๆคน เด็กๆน่ารักทุกคน "ทิว","เทอด", "พี่เปี๊ยก" ล้วนเรียกเสียงฮาและสร้างสีสันทำให้ "โหมโรง"ดูไม่เครียดเกินไป มีมุกเล็กๆของ"ครูรัก"ที่แฟนๆ AF คงอดฮาไม่ได้หลายตอนเหมือนกัน หลายครั้งที่เกือบๆจะเป็นนักแสดงเหล่านี้ขโมยซีนไปบ้างไม่มากก็น้อยล่ะ

๖. ประการสำคัญที่สุดที่ท่านควรจะพาบุตรหลานไปดู ก็คือละครเรื่องนี้จะทำให้พวกเขาสัมผัสอรรถรสของดนตรีไทยเดิมในแบบสำหรับผู้เริ่มต้นได้เป็นอย่างดี (มีการประสานดนตรีสากลเข้าไปด้วยพองาม) พร้อมๆไปกับแฝงคติธรรมในชีวิตอีกมากมาย ที่ผู้เขียนบทและผู้สร้างนำเสนอแบบมีระดับ ไม่ยัดเยียด เว้นช่องว่างให้คิดต่อ

โหมโรง เดอะ มิวสิคัล คือละครเพลงเวทีที่เต็มไปด้วยความประทับใจ ได้ทั้งความบันเทิง และ ศิลปะ อาจจะมีเพียงสิ่งเดียวที่ผมเสียไปในการชมเมื่อคืนนี้...น้ำตาที่ไหลซึมในฉากท้ายๆครับ

ผมเดินออกจากโรงละครเคแบงก์สยามพิฆเนศในเวลาเกือบห้าทุ่มพร้อมๆพี่สมบูรณ์... ครับ เหมือนเขาจะลืมไปแล้วว่าเคยบอกว่าอาจจะกลับก่อนละครจบ