Thursday 1 February 2018

พ่อมดเพลงป๊อบ


Bruno Mars :: 24K Magic ****
Released : November 2016
Genre : Pop Soul R&B Funk
Producers: Shampoo Press & Curl (also exec.) The Stereotypes Emile Haynie Jeff Bhasker

Tracklist:

28 มกราคมที่ผ่านมา อัลบั้มชุดที่สามของบรูโน มาร์ส, ศิลปินหนุ่มอเมริกันวัย 32 ปี,ชุดนี้คือพระเอกตัวจริงของการแจกรางวัลแกรมมี่ประจำปี 2018 เฉพาะตัวอัลบั้ม มันได้ไปสามรางวัล, Best Engineered Album (ที่ไม่ใช่เพลงคลาสสิก), อัลบั้ม R&B ยอดเยี่ยม และ รางวัลใหญ่ อัลบั้มแห่งปี นอกเหนือจากนั้น That’s What I Like แทร็คหนึ่งในอัลบั้มนี้ยังกวาดไปอีกสามรางวัล- เพลงแห่งปี, เพลง R&B ยอดเยี่ยม และ Best R&B performance ยังไม่หมด เพลง 24K Magic ยังได้รับรางวัลเพลงในการบันทึกเสียงยอดเยี่ยมอีกด้วย (Record of the year)   แกรมมี่ก็มักจะเป็นอย่างนี้ หลายปีที่จะมีศิลปินหอบรางวัลกลับบ้านเต็มอ้อมกอดอยู่คนเดียว

นั่นทำให้เราต้องมาพูดถึงอัลบั้มนี้กันสักหน่อย แม้มันจะออกมาตั้งแต่ปลายปี 2016 นู่น

บรูโน สร้างชื่อมาตั้งแต่สองชุดแรกของเขา Doo-Wops and Hooligans (2010) และ Unorthodox Jukebox (2012) แล้ว ว่าเป็นคนหนุ่มที่ทำเพลงป๊อบได้หลากหลาย ลากแนวทางเก่าๆของศิลปินอื่นมาเป็นของตัวเองได้อย่างแนบเนียน เป็นหนึ่งในศิลปินไม่กี่คนที่มีแววจะเป็น King of Pop คนต่อไปได้ บรูโนทิ้งช่วงหลังจากอัลบั้มก่อนถึงสี่ปี แต่ก็มีซิงเกิ้ลเขย่าโลกอย่าง Uptown Funk ในปี 2014 ที่เขาไป feat. ในตำแหน่งนักร้องนำในเพลงของ Mark Ronson ออกมาก่อนหน้านี้ ความดังถล่มทลายของมันอาจเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ 24k Magic กลายเป็นงานที่เน้นความย้อนยุคแห่งดนตรีป๊อบผิวสียุค 90’s กันอย่างเต็มตัว แนวเร็กเก้ที่ถือเป็นเอกลักษณ์หนึ่งในเพลงของเขา-หายไป

ด้วยความยาวเพียงแค่เลยครึ่งชั่วโมงมานิดๆ และจำนวนเพลงเพียงเก้าเพลง ไม่มีแขกรับเชิญ (และยังไม่มีการทำ deluxe edition เพิ่ม extra tracks อย่างที่ใครๆเขานิยมทำกัน) นี่จึงเป็นอัลบั้มที่เน้นเนื้อล้วนๆ ไร้ไขมันส่วนเกิน บรูโนกล่าวไว้ว่า “ถ้าผมเอาคุณไม่อยู่ในเก้าเพลง ต่อให้เพิ่มเป็นสิบสามเพลงผมก็เอาคุณไม่อยู่อยู่ดี” น่าแปลกที่กลับไม่รู้สึกว่ามันสั้นเกินไปแต่อย่างใด เป็นไปได้ว่าความรู้สึกว่าต้องฟังอัลบั้มยาวๆ 50-70 กว่านาทีในยุคซีดีนั้นเริ่มเฟดหายไปแล้ว ผู้ฟังส่วนใหญ่สมาธิสั้นลง และฟังเพลงจากการสตรีมมิ่งกันเสียมากกว่า มันอาจเป็นจุดเริ่มต้นของเทรนด์อัลบั้มที่มีความยาวระดับคอมแพ็คแบบนี้ก็เป็นได้ ไม่ต้องมี fillers จัดแต่เพลงที่คุณคิดว่าเยี่ยมจริงๆมานำเสนอกันเลย อย่าให้คนฟังเสียเวลา

การเขียนเพลงของบรูโน ค่อนข้างจะยึดสูตรสำเร็จของเพลงป๊อบอย่างเคร่งครัด ท่อนเวิร์ส คอรัส พรีคอรัส บริดจ์ มาครบทุกเพลง เนื้อหาวนเวียนอยู่กับเรื่องรักๆใคร่ๆ และความหื่นกระหายในกามคุณของคนหนุ่มกลัดมัน บรูโนยังมีปัญหาในเรื่องการค้นหาสุ้มเสียงของตัวเองอยู่ แม้เขาจะทำเพลงออกมาได้ยอดเยี่ยมเกือบทุกเพลง แต่ทุกเพลงนั้นคนฟังก็พาลคิดไปถึงศิลปินรุ่นพี่คนนู้นคนนี้กันได้เสมอ

เมื่อเราฟัง Perm เราได้ยิน James Brown (ก็มันฟังค์เต็มเหนี่ยวซะอย่างนั้น)

เมื่อเราฟัง That’s What I Like นั่นทำให้นึกถึง Jodeci (หลายคนส่ายหัวกับรางวัลมากมายที่เพลงนี้ได้จากแกรมมี่ แต่เพลงแบบนี้ล่ะครับ ที่คนอเมริกันชอบ)

ในเพลงสุดเซ็กซี่ Versace On The Floor มีคนกระซิบว่าเหมือนนักร้องโซลบัลลาด Freddie Jackson
และไม่แปลกที่คุณจะเห็นหน้าของ Babyface ลอยมา เมื่อฟังไปถึง killer ballad แทร็คสุดท้าย -  Too Good To Say Goodbye ก็ไม่น่าแปลกอะไร เพราะเบบี้เฟซเองมาร่วมแต่งเพลงนี้ด้วย หลังจากมาร์สทำมันไม่เสร็จ ค้างคาอยู่หลายปี แทร็คนี้ผมชอบที่สุดในอัลบั้ม แม้มันจะโคตรที่จะสูตรสำเร็จ แต่ก็เป็นสูตรสำเร็จที่ทำได้ถึงและได้ใจยิ่งนัก

และเพลงอื่นๆอีก ที่ฝากคุณไปหลับตานึกกันเอง

แต่ยังไม่มีเพลงไหน ที่ทำให้เราบอกได้ว่า นี่ไง เพลงแบบบรูโน มาร์ส แท้ๆ

ที่น่าสนใจคือ แม้ 24k Magic จะเป็นงานป๊อบที่อัดแน่นด้วยพลัง และดนตรีที่แทบไม่มีที่ติทุกกระเบียด แต่สิ่งที่หายไปอย่างน่าสงสัยคือ ความ hook หรือ catchy ในท่วงทำนอง อันปกติจะเป็นจุดแข็งในเพลงของบรูโน นอกเหนือจากแทร็คสุดท้ายแล้ว ก็แทบไม่มีเมโลดี้ที่น่าจดจำเอาเสียเลย (ไม่ใช่ไม่ไพเราะเลยนะครับ อย่าเข้าใจผิด) แอบคิดเข้าข้างว่าอาจจะเป็นความจงใจอะไรบางอย่างของแก

การบันทึกเสียงในชุดนี้ดีมาก ทั้งไดนามิก ดีเทล และการแยกชิ้นดนตรี ผิดวิสัยเพลงป๊อบแนวนี้ที่มักจะคอมเพรสและเสียงดังกันจนล้น คงต้องชมเชยทีมงานบันทึกเสียงทุกคน โดยเฉพาะ Charles Moniz ในตำแหน่งเอ็นจิเนียร์ และ Tom Coyne มาสเตอริ่งมือฉมัง (ผู้ล่วงลับไปแล้วอย่างน่าเสียดาย) สมควรอย่างยิ่งกับรางวัลแกรมมี่สาขาการบันทึกเสียงครับ

ส่วนรางวัลอื่นๆที่บรูโนได้จากแกรมมี่ ไม่มีความเห็นนะครับ เพราะไม่ได้ฟังงานอื่นๆในปีนี้มากพอทีจะมาเปรียบเทียบ แต่ที่น่าเสียดายคือ ในฐานะของผู้นำเพลงป๊อบในปัจจุบัน บรูโน น่าจะสร้างอะไรที่แปลกใหม่ให้วงการได้มากกว่านี้ เพราะสิ่งที่ได้ฟังใน 24K Magic แม้ในทุกบทเพลงมันจะเนี้ยบไปเสียทุกโน้ต แต่โดยรวม ทั้งหมดก็คือเหล้าเก่าเอามาเล่าใหม่ และเพลย์เซฟมากๆ

มาถึงคำถามสำคัญ บรูโน ยิ่งใหญ่พอจะเทียบกับ ไมเคิล แจ็คสัน ในฐานะราชาเพลงป๊อบหรือยัง


 คำตอบของผมคือ ขอฟังอัลบั้มหน้าอีกสักชุดครับ