Wednesday 25 July 2018

Lost & Found


A Great Debut



Jorja Smith : Lost & Found ***1/2

Released : June 2018
Producers:
Genre: R&B, Pop, Trip-Hop, Neo-Soul
Tracklist:  Lost & Found, Teenage Fantasy, Where Did I Go?. February 3rd, On Your Own, The One, Wandering Romance, Blue Lights, Lifeboats (Freestyle), Goodbyes, Tomorrow, Don’t Watch Me Cry

------------------
งานเปิดตัวของสาวน้อยวัย 21 ปีที่วงการจับตามอง และ Lost & Found ก็ไม่ทำให้สายตาทุกคู่ที่จับจ้องนั้นผิดหวัง

ยังจำครั้งแรกที่คุณได้ฟังงานเปิดตัวของสตรีเหล่านี้ได้ไหม

ป๊อบแจ๊สหรูหรา....Sade กับ Diamond Life

คนอะไรสวย เสียงดี แล้วยังเล่นเปียโนพลิ้วราวกับสายคลาสสิก..... Alicia Keys กับ Songs In A Minor

ชื่อชุดถ่อมตัวว่าไร้การศึกษา แต่ความจริงคือชุดแรกนี้ก็บรรลุแล้ว.... Lauryn Hill กับ The Miseducation of Lauryn Hill

เพลงเรียบๆที่แสนทรงเสน่ห์.... Dido กับ No Angel

ความแจ๊สซี่อันแสบสันต์และก๋ากั่น......Frank ของ Amy Winehouse

หรือ 19 ของ Adele กับเสียงร้องแห่งทศวรรษของสาวร่างใหญ่หน้าสวยคนนี้.....

ก่อนหน้าที่จะได้ฟัง debut เหล่านั้น คุณอาจได้เคยฟังเพลงของพวกเธอมาบ้าง หรืออาจจะเคยแค่ได้ยินชื่อเสียง แต่คุณไม่เคยนึกฝันมาก่อนเลยว่างานเปิดตัวของพวกเธอจะยอดเยี่ยมขนาดนั้น และคุณมั่นใจว่านี่เป็นเพียงแค่การเริ่มต้นของตำนานศิลปินหญิงคนใหม่ ที่จะฝากผลงานดีๆไว้อีกมากมาย ดีขึ้นไปกว่านี้อีก

แต่ที่สุดแล้วหนทางของแต่ละสาว ก็ไม่ได้เหมือนกัน และคงยากที่จะเป็นไปตามที่ใครคาดเดา แม้แต่พวกเธอเอง

Sade ยังคงมีผลงานออกมาเรื่อยๆ แต่ทิ้งช่วงห่างแต่ละชุดเป็น 10 ปี คล้ายๆกับ Dido (รายหลังไม่ทิ้งห่างนานเท่า) ทั้งคู่รักษาคุณภาพของผลงาน แม้จะไม่ค่อยเห็นพัฒนาการอะไรสักเท่าไหร่ แต่แฟนๆก็ต้อนรับกันเป็นอย่างดีทุกชุดด้วยความโหยหา

Alicia Keys น่าแปลกที่เธอไม่เคยดังถึงขีดสุด ทั้งๆที่ดูเธอจะพร้อมทุกอย่าง ….too perfect?

Lauryn Hill อาการหนักสุด หลังจากงานชุดแรกในปี 1999 เธอก็ไม่สามารถออก studio album ชุดที่สองตามมาจนทุกวันนี้ ด้วยปัญหาชีวิตที่มากมายและซับซ้อน แต่ทุกวันนี้ แฟนๆก็ยังไม่เลิกรองานชุดใหม่ของเธอนะ

Amy Winehouse ก้าวถึงจุดสูงสุดในอัลบั้มต่อมา Back To Black ก่อนที่, อย่างที่เรารู้กันดี, เธอจากโลกไปแล้วจากการถล่มตัวเองด้วยสุราและยาเสพติดที่หนักหนาเกินกว่าชีวิตจะรับได้ น่าเสียดายในอัจฉริยภาพยิ่งนัก

ส่วน Adele ก้าวขึ้นมาเป็นเบอร์ 1 ในอีกสองอัลบั้มที่ล้วนแล้วแต่ตั้งชื่อตามอายุของเธอขณะบันทึกเสียง-- 21 และ 25 แต่ก็ไม่มีใครแน่ใจว่าเธอจะออกอัลบั้มใหม่อีกเมื่อไหร่ หรือจะมีอีกไหมด้วยซ้ำไป เธอ “ติสต์” ขนาดนั้น

และในปีนี้ ความรู้สึกแบบนั้นเกิดขึ้นกับอัลบั้มแรกของ Jorja Smith  ศิลปินหญิงชาวอังกฤษวัยเพียง 21 ปีคนนี้ ไม่เคยมี debut album ของ female artist ที่น่าตื่นเต้นอย่างนี้มาหลายปีแล้ว

และ Lost & Found ก็มีจิตวิญญาณบางส่วนจากทุกอัลบั้มด้านบนที่กล่าวมาอย่างไม่น่าเชื่อ

มันมีความป๊อบติดหูทันทีแต่ไม่เบื่อง่ายของ Sade, ความมั่นใจเหลือล้นในน้ำเสียงในแบบของ Amy Winehouse, อารมณ์หวั่นไหวแต่ทระนงของ Adele, ความพลิ้วในเมโลดี้ในแบบ Alicia Keys, จังหวะจะโคนในการแบ่งวรรคตอนและบีทหนึบๆของ Dido, และความ”เฉียบ” และเร็กเก้ในวิญญาณของ Lauryn Hill

Jorja Smith  ไม่ได้จู่ๆโผล่มาจากมุมมืดด้วย Lost & Found แต่อย่างใด เธอเริ่มสร้างชื่อเสียงมาตั้งแต่เดือนมกราคม 2016 เมื่อเธอ upload เพลง “Blue Lights” ขึ้นเว็บไซต์ soundcloud ตอนนั้นเธออายุแค่ 18 ตามมาด้วยเพลง “A Prince” และ “Where Did I Go?” ก่อนจะออก EP 4 แทร็ค “Project 11” ปิดท้ายปี 2016 เพลงของเธอโดนใจแรปเปอร์ชื่อดัง Drake และชวนเธอไปออกคอนเสิร์ตด้วยที่เบอร์มิงแฮมและลอนดอน

เข้าปี 2017 Jorja เริ่มกระฉ่อน (น่าจะเป็นเพราะหน้าตาอันน่ารักสะสวยเป็นส่วนประกอบด้วย) ขึ้นหน้าปกนิตยสารหลายฉบับและได้รับการยกย่องจากสื่อให้เป็นศิลปินดาวรุ่งพุ่งแรง รางวัลใหญ่ที่สุดน่าจะเป็น Brit Critic’s Choice Award ในเดือนมกราคม 2018 ซึ่งเป็นรางวัลที่คนในวงการดนตรีอังกฤษคัดเลือกให้ศิลปินหน้าใหม่ที่พวกเขาคิดว่ายอดเยี่ยมที่สุดในปีนั้น (Sam Smith, James Bay และ Adele เคยได้รับรางวัลนี้มาก่อน)

Jorja ยังได้ไปร้องในสองเพลงของอัลบั้ม More Life ของ Drake และในซาวด์แทร็คภาพยนตร์ดังระเบิดของ Marvel:  Black Panther (เพลง “I Am”) อีกด้วย ใครๆก็คงจะคาดได้ว่า มันมีปัญหาเพียงแค่เมื่อไหร่เท่านั้น เราถึงจะได้ฟังอัลบั้มเต็มของ Jorja Smith

และเวลานั้นคือเดือนมิถุนายน 2018

Lost & Found มีภาพปกเป็นภาพระยะใกล้ของหน้าสวยหวานของเจ้าของอัลบั้ม และเล่นกับความเก่าแบบปกแผ่นเสียงที่ความถลอกปอกเปิกของขอบในของปก ตีความได้ถึงความเป็นงานที่แสดงตัวตนของ Jorja และความผูกพันกับดนตรีเก่าๆที่เธอเติบโตขึ้นมา

ในวัยเยาว์ เธอถูกป้อนอาหารทางดนตรีด้วยการเฝ้าฟังบ็อกเช็ตของ Trojan Records, งานของ Curtis Mayfield และ Damien Marley จึงไม่น่าแปลกใจที่คุณจะได้ยินเสียงเหล่านี้ในน้ำเสียงของ Jorja โดยเฉพาะความหวานแบบ Marley ในลูกคอนั้น

ผมพูดถึงศิลปินอื่นๆเสียมากมายที่มีอิทธิพลและความเหมือนกับ Jorja Smith จนอาจทำให้คุณเข้าใจไปว่า เธอเป็นนักก็อปที่ไม่มีความเป็นตัวของตัวเอง ตรงกันข้าม อิทธิพลเหล่านั้นกลับหล่อหลอมอย่างเนียนและเป็นธรรมชาติมาเป็นเพลง 12 เพลงใน Lost & Found มันเป็นเพลงในแบบของเธออย่างเต็มตัว (Jorja มีส่วนร่วมประพันธ์ในทุกเพลง)

ทั้ง 12 เพลงมีแต่เพลงจังหวะช้าถึงปานกลาง บีทแบบทริปฮอป (ลืมดนตรีแนวนี้กันไปแล้วหรือยัง?)และฮิปฮอป เมโลดี้สวยงาม โดดเด่นที่สุดก็ไม่พ้นเสียงร้องของเธอ ในวัยเยาว์ Jorja เคยได้รับการเทรนในการร้องแบบเพลงคลาสสิกมาก่อน หลายท่อนในอัลบั้มเธอแสดงให้เห็นเรนจ์ในการร้องอันน่าสะพรึง แต่ดูเหมือนเธอจะสงวนความสามารถนี้เอาไว้ ไม่ได้แสดงออกพร่ำเพรื่อ  มีบางเพลงเป็นเพลงเก่าที่ออกมาก่อนหน้านี้แล้ว แต่ก็ดูกลมกลืนกับเพลงอื่นๆดี

นอกจาก Blue Lights และ Lifeboat อันมีเนื้อหาสะท้อนสังคมแวดล้อมรอบๆตัวเธอ เพลงที่เหลือเป็นเพลงรักทั้งสิ้น ซึ่งก็ดูเหมาะดีกับผู้หญิงวัยแค่นี้ แต่เพลงรักของเธอไม่ใช่เพลงรักหวานแหววเลี่ยนๆอันดาษดื่น ทั้งหมดเต็มไปด้วยมุมมองอันเติบโตและชวนคิด บทจะหวานเศร้าก็ทำอย่างมีชั้นเชิง หลายเพลงสามารถดึงเนื้อร้องบางท่อนเอาไป quote ทำ meme หรือลง status ได้สบายๆ

เพลงแนะนำที่จะทำให้คุณติดใจได้ในทันที  Lost &  Found (มีความเป็น Lauryn Hill สูง เลิศอลังการสมเป็นไทเทิลแทร็ค) , Teenage Fantasy (ป๊อบ,ติดหู และขี้เล่นที่สุดในชุด) , The One (ซึ้งที่สุด หวานที่สุด)  และสามเพลงสุดท้าย Goodbyes, Tomorrow, Don’t Watch Me Cry ที่ดูจะพร้อมเป็นเพลงปิดอัลบั้มพอๆกันทั้งสามเพลง โดยเฉพาะเพลงสุดท้าย เธอทำเพลงในสไตล์ Adele ได้ถึงใจมากมาย (เกือบดีเท่า Someone Like You ที่ผมถือเป็นไม้วัดอันสูงส่งของเพลงสาวอกหักยุคใหม่) อาจจะมองว่ามันเป็น trilogy เล็กๆท้ายอัลบั้มก็ได้

ไม่ให้ถึงสี่ดาว เพราะโทนเพลงอาจจะคล้ายกันไปหน่อย และฝีมือการแต่งเพลงของเธอยังไล่ไม่ทัน performance ที่แทบจะไร้ที่ติ เชื่อว่าในอนาคตสองสิ่งนี้น่าจะไล่กันทัน

ถ้าคุณชอบชื่อศิลปินหญิงเพียงแค่คนใดคนหนึ่งที่พบในบทความนี้ Lost & Found คืองานที่คุณต้องฟังครับ และถึงตรงนี้แม้จะอยากบอกแค่ไหนว่าเธอน่าจะมีอนาคตทางดนตรีอันสดใส เมื่อย้อนกลับไปคิดถึงศิลปินหญิงคนอื่นๆที่กล่าวมาด้านบน ก็คงบอกได้แค่ เราคงต้องเฝ้าดูกันต่อไป..... ไม่คาดหวัง แต่เฝ้ารอ.....