Saturday 12 June 2010

Mary J. Blige | Stronger withEach Tear


ยังไม่มีใครเทียบราชินีแห่งฮิปฮอปโซล

Mary J. Blige | Stronger withEach Tear

(2009- reissue 2010) ****

Genre: R&B, Hip Hop Soul

Producer: Mary J. Blige (Executive), Darkchild, Polow Da Don, Bryan-Michael Cox, Raphael Saadiq, Stargate, Ryan Leslie, Supa Dups, Konvict Music, The Runners, Stereotypes, Ne-Yo, Tricky Stewart, The-Dream, D'Mile, Ron Fair

ในเพลง The One ซิงเกิ้ลแรกจากอัลบั้ม ท่านจะได้ยินแมรี่ร้องวาทะเด็ดว่า “I ain’t saying that I am the best / but I’m the best” ในเนื้อเพลงอาจจะไม่ได้หมายถึงเธอจะโวว่าเธอเป็นหนึ่งในวงการดนตรี แต่ในบรรดาผู้หญิงในแบล็คมิวสิกสิบกว่าปีที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่าเธอเหนือชั้นกว่าใคร แม้จะไม่มี look ที่ดึงดูดอย่าง Beyonce’ หรือความน่ารักและฝีมือเปียโนแบบ Alicia Keys แต่แค่ขายฝีมือล้วนๆ แมรี่ก็ยึดตำแหน่งราชินีแห่งฮิปฮอปโซลไปได้อย่างเต็มภาคภูมิ Stronger withEach Tear (สะกด with กับ each ติดกัน-เป็นความเก๋ไก๋ที่เธอตั้งใจ) คืออัลบั้มที่ 9 ของเธอ และแม้จะไม่คลาสสิกเท่า The Breakthrough หรือ Growing Pains มันก็ยังเป็นอัลบั้มที่เต็มไปด้วยเพลงที่ติดหูน่าฟังและทีมดนตรีที่กระชับพื้นที่-ปึ้กหายห่วง ส่วนการร้องเพลงของแมรี่นั้นเข้าขั้นเทพ(ธิดา)ไปแล้ว ทั้งน้ำเสียงและลูกล่อลูกชนของเธอฟังแล้วเพลิดเพลินยิ่งนัก โทน โดยรวมของอัลบั้มเป็นไปในแบบมองโลกบวก ไม่ติดเศร้าคิดมากเหมือนงานเก่าๆ หลายเพลงแดนซ์กันกระจาย ละเลยไม่คำนึงถึงวัยร่วม 40 ของเจ้าของผลงาน

อัลบั้มนี้ออกมานานเกือบครึ่งปีแล้ว แต่ด้วยโอกาสที่มีการเปลี่ยนปก-เพิ่มเพลงใหม่ ผมจึงหยิบมาพูดถึง ฉบับใหม่นี้มีชื่อว่า International Release ออกมาในเดือนเมษายน-พฤษภาคม 2010 นี้เอง จุดขายก็คือการนำเพลงของ วงเฮฟวี่เมตัลเทพ Led Zeppelin มาร้อง-บรรเลง 2 เพลง แม้ว่าแมรี่จะเคยร้องเพลง One ของ U2 ร่วมกับโบโนมาแล้วอย่างเลิศเลอ แต่การนำเพลงของ Zep มาร้องโดยนักร้องสาวผิวหมึกที่เป็นแนวโซลอย่างเธอก็ทำให้หลายคนสนใจและเตรียมประหลาดใจว่ามันจะออกมาอีท่าไหน แมรี่กันเหนียวไว้ก่อนด้วยการเชิญมือกีต้าร์ดาวรุ่ง Orianthi (มือกีต้าร์สาวคนสุดท้ายของไมเคิล แจ็คสัน) มาโซโลใน Whole Lotta Love และท่าน Steve Vai มาโชว์ฝีมือใน Stairway To Heaven แฟน Zep หลายคนทำใจไม่ได้กับสองเพลงนี้ และแฟนแมรี่จำนวนไม่น้อยที่รู้สึกพิลึกๆอยู่ แต่ด้วยความเป็นมืออาชีพสุดๆของแมรี่ ผมคิดว่าเธอทำเพลงทั้งสองออกมาได้ไม่เลว Whole Lotta Love ถูกวางไว้เป็นแทร็คแรกเลยด้วยซ้ำ ดนตรีถูกเรียบเรียงแบบ Electric Rock มันส์ๆแบบเต้นได้ Orianthi โซโลได้สมราคา และหลายอย่างแมรี่ก็ยังล้อไปกับเวอร์ชั่นเดิมๆของ Zep เสียงร้องโหยหวน และ การส่งกลองอันเป็นอมตะของ Bonham สนุกมากๆครับแทร็คนี้ ส่วน Stairway To Heaven นั้นแมรี่เลือกที่จะทำออกมาอย่างเคารพต้นฉบับมากกว่า และเสียงร้องของเธอก็สามารถเล่นกับเพลงนี้ได้อย่าง เอาอยู่ (ในขณะที่ต้นฉบับเอง ร้องไม่ไหวในคีย์เดิมไปนานแล้ว) Steve Vai รับบททั้งกีต้าร์โปร่งและไฟฟ้า ถือว่าสอบผ่าน แต่ไม่มีอะไรให้ตื่นเต้นเท่า Whole Lotta Love

ยุทธการออกอัลบั้มมาสักระยะ แล้วมีการเปลี่ยนปก เพิ่มเพลง นั้น จะว่าไปก็ถือเป็นการเอาเปรียบผู้บริโภคผู้ซื้อสัตย์อยู่แล้ว จนแฟนๆหลายคนมองการณ์ไกล ไม่ยอมซื้อตอนซีดีออกมาใหม่ๆ รอซื้อแผ่น reissue ดีกว่า แต่ในกรณี Stronger withEach Tear นี้ก็ยิ่งน่ากลุ้มเข้าไปอีก เพราะเวอร์ชั่นใหม่นี้นอกจากจะมีการเพิ่มเพลงสองเพลงของ Zep เข้ามาดังกล่าว และเพลง Stronger แล้ว ก็ยังมีการดึงเพลงเก่าออกไปสามเพลง! ที่น่าเสียดายก็คือ 3 เพลงนั้นเพราะๆทั้งนั้น Kitchen สโลว์แจมที่เซ็กซี่เก๋ๆ , Said and Done และ We Got Hood Love ที่ Trey Songz มาร่วมร้อง สรุปว่าถ้าจะให้ครบทุกเพลงก็ต้องซื้อทั้งสองเวอร์ชั่น......

เอาล่ะ บ่นนิดๆหน่อยๆ แต่ไม่ว่าจะเวอร์ชั่นไหน อัลบั้มนี้ก็เยี่ยมอยู่ดี แมรี่มีส่วนร่วมในการประพันธ์แทบทุกเพลงกับนักแต่งเพลงมือทองแห่งวงการไม่ซ้ำหน้าในแต่ละเพลง และโปรดิวเซอร์ก็เปลี่ยนไปทุกเพลงเช่นเดียวกัน แต่ การที่แมรี่เป็น Executive Producer ทำให้งานออกมาเป็นเอกภาพ ไม่ได้มีความรู้สึกว่าแต่ละเพลงไปคนละทางแต่อย่างใด

Tonight และ The One ที่ได้ Drake มาร่วมแร็ป และแมรี่ลองใช้เครื่อง auto-tune เป็นมิดเท็มโปที่คล้ายจะอุ่นเครื่องผู้ฟังกันก่อน Will.i.am มาทำ I Can’t Wait ให้ พร้อมให้เสียงกวนๆของแกนิดหน่อย เพลงนี้ก็ประมาณ เอาเฟอร์กี้มาร้องก็เป็น Black Eyed Peas น่ะ (แต่สนุกนะ) นาย T.I. มาสนทนาด้วยใน Good Love เต็มไปด้วยลีลาดนตรีและเสียงร้องที่พร้อมจะเป็นเพลงฮิต แมรี่ทำสุ้มเสียงได้สาวขึ้นมาเชียว เพลงนี้ Ne-Yo ร่วมโปรดิวซ์เช่นเดียวกับเพลงถัดไป I Feel Good ที่แมรี่ฉายเดี่ยวยืนยัน status ปัจจุบันของเธอที่เต็มไปด้วยความสุข “ I feel good, like the moon is shining just for me… I feel too damn good!”

I Am และ Each Tear คือเพลงในแนวที่แมรี่ถนัดที่สุด อาร์แอนด์บีที่แสนจะดราม่าและเสียงร้องสุดวิเศษของเธอ เสียงแมรี่อาจจะไม่หวานฟังง่ายเหมือนนักร้องคนอื่น แต่มันเจือด้วยความรู้สึกเศร้าแปร่งอยู่เสมอๆในทุกโน้ตที่เธอเอ่ยเอื้อน ส่วน In The Morning คือเพลงบัลลาดหยุดเวลาประจำอัลบั้มนี้ ไม่มีอะไรพลิกโผ แต่แฟนๆทุกคนคงอยากฟังแมรี่ร้องแบบนี้อย่างน้อยสักเพลงในอัลบั้ม

มีเพลงจากภาพยนตร์อีกสองเพลงคือ Stronger และ Color เพลงหลังทำดนตรีโดย Raphael Saadiq ผู้ถนัดนักกับดนตรีย้อนยุค และค่อนข้างจะโดดจากเพลงอื่น ด้วยเสียงร้องที่เปลือยเปล่าราวกับเป็นเพลงสุดท้ายในหนังชีวิตของเธอเอง

Stronger withEach Tear คืองานที่ยังคงมาตรฐานของ Mary J. Blige ไว้ได้อย่างสบายๆ มันคืองานตลาดที่เต็มไปด้วยศิลปะและความน่าฟังในทุกแทร็คครับ แนะนำสำหรับคนชอบฟังเพลงรึธึ่มแอนด์บลูส์และโซลสมัยใหม่ที่เต็มไปด้วยความไพเราะและโปรดักชั่นอันแทบจะไร้ที่ติ

Tracklist

WHOLE LOTTA LOVE

TONIGHT

THE ONE

I CAN’T WAIT

GOOD LOVE

I FEEL GOOD

I AM

EACH TEAR

I LOVE U (YES I DU)

CITY ON FIRE

STRONGER

IN THE MORNING

COLOR

STAIRWAY TO HEAVEN

I AM (REMIX)

Lucky Soul-A Coming of Age (2010)


วิญญาณหวาน-ดนตรีเสนาะ

Lucky Soul : A Coming Of Age (2010) ***1/2

Genre: Retro-Pop, Pop Rock, Indie Pop

Producer : Andy Laidlaw

ช็อคโกแล็ตชั้นเลิศที่ถึงพร้อมด้วยรสชาติหวานเคลือบขมและความนุ่ม-แข็ง-เหนียวกำลังดี แม้จะอร่อยแค่ไหน แต่ถ้าทานมากเกินไปก็ไม่พ้นเลี่ยนและอาจถึงขั้นเจ็บคอป่วยไปเลย ก็เหมือนกับเพลงของ Lucky Soul ที่ต้องเสพด้วยปริมาณพอเหมาะ แนะนำว่าฟังแต่ละครั้งไม่ควรติดต่อกันเกิน 3 เพลง!

นี่คืออัลบั้มที่สองของวงดนตรีหกชิ้นจากอังกฤษ ที่นำทีมโดยมือกีต้าร์และนักแต่งเพลง Andy Laidlaw และนักร้องสาวเสียงหวานสวย Ali Howard อัลบั้ม The Great Unwanted (2007) สร้างความสุขให้ผู้ฟังจำนวนไม่น้อยที่โหยหาบทเพลงที่หอมหวานเน้นเมโลดี้อบอวลอดีตและจังหวะจะโคนที่ชวนขยับแข้งขา ในแบบยุคคลาสสิกของเพลงจากค่าย Motown, งานประพันธ์ของ Burt Bacharach และเสียงร้องของ Dusty Springfield ที่เต็มไปด้วยวิญญาณในแบบผู้หญิงแสนสุภาพ น่าเสียดายที่เพลงของพวกเขาและเธอไม่ประสบความสำเร็จเท่าสาวเสียงแจ๋น Duffy ที่มาในสไตล์ไม่ห่างกันนัก อาจจะเป็นเพราะเสียงของ Ali แม้จะหวานน่าฟังเพียงใด แต่ก็ไม่ได้มีดีกรีของความน่าดึงดูดและแตกต่างเท่า Duffy

ในขณะที่เวลาสามปีนานพอที่จะทำให้คนเริ่มลืมๆ Lucky Soul ไปแล้ว วงก็กลับมาด้วย A Coming Of Age อัลบั้มที่สองที่ชื่อวงประกาศความเติบโตผ่านพ้นวัยเต็มที่ สุ้มเสียงของวงเติบโตขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ความหนักแน่นของจังหวะ เสียงกีต้าร์และเครื่องสาย ถาโถมเข้ามาเป็นลำธารเชี่ยวแทบหาช่องว่างไม่ได้ แต่เอกลักษณ์เดิมของวงในการทำเพลงได้อารมณ์ Retro และสดใสแบบซัมเมอร์ โปรยปรายไปด้วยเมโลดี้ระดับฝังเพชรนั้นก็ยังคงอยู่ไม่หายไปไหน หลายเพลงฟังแล้วคิดถึง Belle & The Sebastian ในแบบที่หญิงกว่าและร็อคกว่า

สี่เพลงแรกของ A Coming of Age คือ Lucky Soul ในแนวถนัดทิ่ยิงมาเป็นชุด Woah Billy! โมทาวน์ซาวนด์ผสม Mickey (เพลงดังเพลงเดียวของ Toni Basil ในยุค 80’s) เสียงปรบมือกระหึ่มและคอรัสสุดเพราะ เนื้อเพลงคือจดหมายเปิดผนึกถึง Billy Bragg White Russian Doll ซิงเกิ้ลที่ออกร็อคมากขึ้นและสไตล์การเขียนเนื้อเพลงที่เหมือนจะออกแบบมาให้ดัง Up In Flames ชื่อเพลงทำให้คิดถึงวันกรุงเทพเป็น ทะเลเพลิง แต่ Lucky Soul ไม่ได้พูดถึงเรื่องนั้นหรอกครับ เป็น Northern Soul love song ที่มีช่วงโซโลเสียงร้องกับเครื่องดนตรีน้อยชิ้นที่สร้างอารมณ์แบบเก่าๆได้ชงัด Love3 เพลงแบบ girl group แท้ๆที่เอาไปให้ The Supremes หรือ The Shirelles ได้สบายๆ คุณจะร้องตามได้ทันทีที่คุณได้ยินไปครึ่งเพลง

แต่สิ่งที่แสดงฝีมือของ Lucky Soul แท้ๆออกมาคือเพลงอย่าง A Coming of Age ที่ออกมาดุดันเร่งเร้าต่างจากเพลงอื่น รวมทั้งการเรียบเรียงเครื่องสายที่เฉียบขาดเหลือเกิน แน่นอนว่านี่ไม่ใช่เพลง ขาย แต่เป็นเพลงโชว์กึ่นโดยเฉพาะ ก็ต้องโชว์บ้างอะไรบ้าง!

ถ้าทางวงสลับเพลงมีกลิ่นคันทรี่อย่าง Upon Hilly Fields หรือเพลงสไตล์ Carole King’s ballad อย่าง Warm Water และ modern doo-wop แบบ Could Be I Don't Belong Anywhere แทรกเข้าสลับใน 4 เพลงแรกบ้าง อาจทำให้การฟังอัลบั้มนี้หลากหลายมากกว่าเดิม ซึ่งในยุคสมัยนี้ ท่านก็อาจจะเรียงเพลงเองในเครื่องเล่นของท่านเองได้สบายๆ แต่อย่างไรก็ตามคิดว่านี่คงเป็นการเรียงเพลงในลักษณะกึ่งๆ ตีหัวเข้าบ้าน โหลดเพลงที่มั่นใจว่า ขาย แน่ๆไว้ที่หัวอัลบั้มไว้ก่อน ก็ไม่ผิดอะไรหรอกครับ วงระดับ U2 ก็ยังใช้วิธีการนี้อยู่บ่อยๆ

A Coming of Age คือพัฒนาการของ Lucky Soul ที่สมควรให้การสนับสนุน ถ้าท่านยังอยากให้ดนตรีที่เน้นเมโลดี้และความสดใสแบบนี้อยู่คู่วงการต่อไปไม่สูญพันธุ์ไปกับกาลเวลา.....

Tracklist:

1 . Woah Billy!

2. White Russian Doll

3. Up In Flames

4. Love3

5. Upon Hilly Fields

6. A Coming Of Age

7. Warm Water

8. Ain't Nothin' Like A Shame (To Bring It All Back Home)

9. That's When Trouble Begins

10. Southern Melancholy

11. Our Heart

12. Could Be I Don't Belong Anywhere