Monday 11 May 2009

Reissue News May 2009



อัลบั้มแรกของ The Stone Roses ในปี 1989 เป็นงานชิ้นสำคัญของดนตรีร็อคอังกฤษ มันเป็นเทปม้วนโปรดของผมที่ยังจดจำได้ไม่ลืมว่าหอบหิ้วมันไปที่ไหนบ้าง รวมไปถึงการอ่านรีวิวครั้งแรกของมันใน “สีสัน” ยุคซีดีก็แหงว่าผมต้องซื้อมาเก็บไว้เป็นหลักฐาน แต่ก็ไม่เคยมีความสุขกับเสียงของมันเลย ความรู้สึกผมคิดว่าเสียงมันแย่กว่าเทปม้วนนั้นของผมซะอีก (ลิขสิทธิ์นะจ้ะ) Ian Brown เพิ่งออกมาให้ข่าวว่าเขากับโปรดิวเซอร์ John Leckie เกี่ยวก้อยกันเข้าสตูดิโอเพื่อรีมาสเตอร์งานชิ้นนี้กันเป็นครั้งแรก จุดมุ่งหมายของการรีมาสเตอร์ครั้งนี้มีง่ายๆว่า “ทำให้เสียงออกมาเหมือนแผ่นไวนีลดั้งเดิม” Leckie เล่าว่า “มันจะไม่เหมือนกับเวอร์ชั่นซีดีก่อนหน้านี้ที่เป็นแค่ก๊อปปี้จากก๊อปปี้จากก๊อปปี้” มันแย่อย่างนั้นเชียวหรือนั่น....ถึงว่า....


The Stone Roses reissue version นี้จะมีเป็นแบบซีดีสามแผ่นที่นอกจากอัลบั้มเดิมในสุ้มเสียงที่สดใสแล้ว อีกสองแผ่นก็จะเป็นเพลงหน้าบีของซิงเกิ้ลและเพลงที่ไม่ได้อยู่ในอัลบั้ม และอีกแผ่นเป็น demo versions ส่วนผู้ที่อยากเก็บเป็นไวนีลก็ยังมีอีกแพ็คเกจหนึ่ง


กำหนดออกน่าจะเป็นเดือนมิ.ย.นะ


วันที่ 9 เดือน 9 ปี2009 คือกำหนดการวางแผงของ Beatles remasters ที่แฟนๆรอกันมานานจนเสียชีวิตไปก็หลายคนแล้ว (ไม่ได้พูดเล่น) ตั้งแต่ปี 1987 นู่น มาคราวนี้พวกเขายกชุดขายเป็นกล่องแยกไปเลยระหว่าง stereo กับ mono ไม่มีเพลงใหม่เพลงแถมใดๆแต่มีสารคดีเบื้องหลังอัลบั้มเป็น quicktime แทรกอยู่ในแผ่น สุ้มเสียงเป็นอย่างไรคงต้องคอยฟังกัน แต่เชื่อขนมกินได้ว่าน่าจะดีกว่าฉบับเดิมแน่นอน เพราะของเก่ามันแย่เหลือเกินน่ะสิ วันเลขสวยดังกล่าวยังเป็นวันวางแผนของเกม The Beatles Rock Band อีกด้วย วันเดียวกะให้แฟนเต่าทองหมดตัวกันไปเลยว่างั้น!!!

twitter & spotify


หลังจาก facebook และ myspace ก็มี twitter นี่ล่ะที่เป็น social network หน้าใหม่ที่มีกราฟความดังและยอดผู้ใช้พุ่งตั้งชันเป็นปรากฏการณ์ twitter จัดเป็น micro-blogging site ที่เหมาะสำหรับคนขยันเขียนขยันพิมพ์แต่ไม่อยากพิมพ์เยอะ เพราะให้โพสต์ได้ครั้งละแค่ 140 ตัวอักษรเท่านั้น แต่จุดขายของมันจริงๆอาจจะอยู่ที่การมี “ผู้มีชื่อเสียง” ตัวจริง เสียงจริง มาเล่น แน่นอนว่าสาวกของEนู๋ Lily Allen ย่อมอยากรู้ว่าเธอกระดิกตัวทำอะไรบ้างในวันนี้ นอกจาก Lily แล้ว ก็ยังมีคนดังๆสายดนตรีอีกหลายท่านที่มี twitter อย่าง Graham Coxon แห่ง Blur, แร็ปเปอร์ผู้อื้อฉาว Eminem, และแน่นอน.... Britney Spears คุณเองก็ใช้บริการ twitter.com ได้ฟรีๆ ผมลองไปเปิดกับเค้าดูแล้วก็สนุกดีเหมือนกันนะครับ เวลาเราสนใจเรื่องอะไร เหมือนกับเราจะได้คุยกับผู้สนเรื่องเดียวกับเราได้ทั้งโลก....และการที่มันสามารถโพสต์ได้ทาง SMS ก็เป็นมิติใหม่ของการ blog แบบนี้ครับ

ตัวอย่างจาก twitter.com/lilyroseallen


“กำลังจะกระโดดเข้าไปใต้ฝักบัวและเริ่มตันวันใหม่ และขอบันทึกไว้ว่า ยา (เสพติด) เป็นสิ่งเลว อย่าใช้มัน บอกลูกหลานคุณด้วยว่าลิลลี่อัลเลนพูดไว้”


(แน่นอนว่าต้นฉบับเธอใช้ภาษาอังกฤษนะครับ!)


ผู้เชี่ยวชาญทาง internet ออกมาฟันธงกันว่า twitter น่าจะเป็นกระแสที่อยู่ในช่วงสั้นๆและก็จะถดถอยไปอย่างรวดเร็ว เพราะมันไม่มีแก่นแท้เนื้อหาอะไรให้จับต้องได้เลย ก็ลองดูกันอีกซักปีครับ แต่ตอนนี้ท่าน hot เหลือเกิน


Spotify

ยุคของการ “โหลดเพลง” อาจจะสิ้นสุดลงในเร็ววัน จะเสียเวลาไปไย ในเมื่อคุณสามารถฟังมันแบบ stream (ฟังได้ทันทีไม่มีการรอ buffer) ได้ตลอดเวลาทางคอมพิวเตอร์ของคุณ หรือแม้กระทั่งโทรศัพท์มือถือ?


Spotify เป็น peer-to-peer streaming music program ที่ออกแบบโดยชาวสวีเดนเพื่อรองรับการฟังเพลงในรูปแบบใหม่นี้ ลองหลับตาคิดถึง iTunes ที่มีเพลงเต็มไปหมดรอคุณอยู่แล้ว ข้อด้อยของมันก็อาจจะมีแค่คุณไม่สามารถโหลดมาเก็บไว้เป็นส่วนตัวได้ แต่ถึงจุดหนึ่งมันก็อาจจะไม่ใช่เรื่องจำเป็นอีกต่อไป John Harris คอลัมน์นิสต์ดนตรีชื่อดังเขียนไว้ใน Q ว่ามันก็เหมือนกับทุกวันนี้คุณไม่จำเป็นต้องไปล่าสัตว์ด้วยตัวเองเพื่อเอามาเป็นอาหารนั่นแหละ (!)


ศิลปินใหญ่ๆบางท่านก็ยังไม่อยากลงมาเล่นกับเรื่องนี้ คุณจะไม่พบเพลงของ Pink Floyd หรือ Beatles ใน Spotify แต่ถ้าเป็น U2, Madonna, Rolling Stones หรือ Eminem และศิลปินอื่นๆอีกมากล่ะก็ไม่มีปัญหา


คำถามคือแล้วคุณต้องจ่ายอะไรมั่ง? -ฟรีครับ แต่คุณต้องอาจต้อง “ฟัง” โฆษณาบ้างในทุกๆ20-30 นาที แต่ถ้าคุณเป็นภูมิแพ้โฆษณาก็ยังมีทางเลือกให้ใช้เวอร์ชั่นปลอดแอ็ดแต่ต้องจ่ายให้ Spotify เดือนละ 10 ปอนด์ หรือ 100 ปอนด์ไปเลยต่อ 1 ปี


สำหรับคนสนใจคุณภาพเสียงก็อาจจะถามว่าไฟล์ที่ได้ฟังนั้นเป็นแบบใด คำตอบคือเป็นแบบ Vorbis format ที่ความละเอียด q5 (เทียบกับ mp3 ได้ประมาณ 160 Kbit/S) ที่ผมคิดว่าพวกเราอาจจะคิดว่ามันหยาบไปหน่อยใช่ไหมครับ แต่นักฟังทั่วๆไปผมคิดว่าเขาน่าจะโอนะ


ความสนุกของมันอาจจะอยู่ที่การได้แลกเปลี่ยน playlist ที่สร้างได้เหมือน iTunes กับเพื่อนๆที่ใช้ Spotify ด้วยกัน และการเข้าถึงข้อมูลที่ทำได้ราวกับพระเจ้า อาทิ ถ้าเช้าวันอาทิตย์นี้คุณอยากฟังเพลงจากปี 1987 ที่เป็นนักร้องหญิงเพียงอย่างเดียวตลอดรายการ Spotify จัดให้คุณได้ทันที


คู่แข่งของ Spotify รายสำคัญก็คือขวัญใจวัยุร่น Last.fm ที่บุกเบิกมาหลายปีแล้ว แต่หลายเพลงใน Last.fm เราก็ฟังได้แค่ 30 วินาที ขณะที่ใน Spotify เต็มเพลงทุกเพลง....


ในบ้านเรายังไม่มี free version นะครับ คงต้องรออีกสักระยะ แต่เวอร์ชั่นเสียตังค์นั้น...ได้เลยครับ


ฟังดูก็ทันสมัยดีนะครับ แต่หลังจากศึกษาเรื่องนี้เสร็จ ผมดันกลับรู้สึกอยากกลับไปฟังแผ่นไวนีลเงียบๆในห้องคนเดียวซะอย่างนั้น!!!

Coldplay ลอกเพลง...อีกแล้วครับท่าน !!!



มันอะไรกันนักหนา ไอ้เพลง Viva La Vida ของ Chris Martin และผองเพื่อนเนี่ย? คดีที่ท่านเทพกีต้าร์ Joe Satriani ฟ้องเอาไว้ว่ามันเป็นการฉกบางท่อนของเพลง If I Could Fly ของเขาไป (ที่ทำให้ Joe โกรธมาก เพราะมันเป็นเพลงที่เขาแต่งให้ภรรยาสุดเลิฟของเขาด้วยน่ะสิ...แหม) ยังไม่ทันจะสิ้นสุด Coldplay ก็เจอเข้าไปอีกสองดอก เริ่มจากวง American indie โนเนม Creaky Boards อ้างว่า Coldplay เอาเมโลดี้เพลงนี้มาจาก “The Songs I Didn’t Write” (ดูชื่อเพลงเค้าสิครับท่าน) ของพวกเค้า แต่ภายหลังวงนี้ก็ถอนฟ้องไปแล้ว โดยให้ความเห็นเพิ่มเติมไว้ว่า ทั้งสองเพลงอาจจะได้ไอเดียมาจากวิดีโอเกม The Legend Of Zelda ต่างหากเล่า …ประเมินแล้วสงสัยไอ้พวกนี้น่าจะโหนกระแสดังฟรีมากกว่า


แล้วจู่ๆขาใหญ่ อย่าง Cat Stevens หรือที่ตอนนี้แกเปลี่ยนชื่อเป็น Yusuf Islam ก็ออกมาให้สัมภาษณ์กับ NME ว่า “ก็เถียงกันเข้าไประหว่าง Coldplay กับ Satriani แต่ความจริงแล้ว เพลงนี้น่ะ มันเป็นของพ้ม! มันคือเพลง Foreigner Suite ไม่เชื่อลองฟังดูสิ!.”


แต่ลุงแมวแกก็ไม่ได้ฟ้องหรอกครับ แกอาจจะตัดสินใจอยู่ว่าจะฟ้อง Joe หรือ Chris Martin ดี?(ผมฟัง Foreigner Suite แล้วก็รู้สึกว่าถ้าฟ้องไปลุงแมวก็น่าจะชนะยากนะครับ)


คดีลอกเพลงหรือที่เรียกว่า Plagiarism ที่โด่งดังที่ผ่านมาที่สุดก็คงเป็นกรณี George Harrison กับเพลง My Sweet Lord ที่ไปคล้ายคลึงกับ He’s So Fine ของ The Chiffons (งานนี้ทำเอาอดีตเต่าทองเสียหายด้านชื่อเสียงมากๆ) และ Ghostbusters ของ Ray Parker,Jr. กับเพลง I Want A New Drug ของ Huey Lewis ที่ฝ่ายหลังฟ้องชนะ


ที่ฮาก็คือ ตา Will Champion มือกลอง Coldplay ออกมาแก้ตัวทำนองเรื่องโน้ตเจ็ดตัวแปดตัวอะไรเนี่ย...คุ้นๆจังเลยว่าเคยได้ยินที่ไหน???

Words & Music by Dylan & McCartney







Bob Dylan อยากทำงานกับ Paul McCartney



อะไรจะเกิดขึ้นเมื่อกวีแห่งร็อคแอนด์โรลผู้ได้ชื่อว่าเป็นอัจฉริยะด้านการเขียนเนื้อเพลงที่หาใครเทียบเคียงยากอย่างป๋า Dylan แบะท่าให้ Paul McCartney ว่า “มันเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นเชียวล่ะถ้าได้ทำงานกับพอล” ป๋าพูดไว้ในการให้สัมภาษณ์กับหนังสือ Rolling Stone เมื่อเร็วๆนี้ ทางพอลเองก็มีโฆษกส่วนตัวรีบมาตอบทันควัน “ผมคิดว่าเขาคงจะสนใจมากเมื่อได้ยินเช่นนี้ พวกคุณก็น่าจะนึกภาพกันได้ว่ามันต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่ๆถ้าโครงการนี้เป็นจริงขึ้นมา”
ถ้าว่ากันตามหลัก สองคนนี้ก็น่าจะเป็นคู่แต่งเพลงในฝันเลยล่ะ เพราะก็รู้กันอยู่ว่าพอลนั้นแต่งทำนองได้เฉียบ แต่เนื้อร้องแกนั้นยังมีปัญหาอยู่เสมอๆ ส่วนบ๊อบนั้นก็ประเภทร้อยเนื้อทำนองเดียว ก็หวังว่างานนี้จะไม่ใช่การปล่อยข่าวสร้างกระแส อยากฟังเหมือนกันครับว่าจะออกมาอีท่าไหน เพราะดนตรีนั้นไม่ใช่คณิตศาสตร์ตื้นๆที่ 1+1=2 เสมอไป (อาจจะกลายเป็น 5 หรือ -40 ?)



กลัวอย่างเดียวว่าท่านผู้อาวุโสจะนึกสนุก ให้ป๋าบ๊อบแต่งทำนองป๋าพอลเล่นเนื้อน่ะเซ่...!!! อ้อ อีกอย่างตกลงกันให้ดีก่อนนะว่าเครดิตน่ะจะให้เขียนว่า Dylan & McCartney หรือว่า McCartney & Zimmermann ????