Friday 27 February 2009

Chinese Democracy History ตำนานแสนนานของอัลบั้มที่คนรอคอยที่สุดในประวัติศาสตร์


ตำนาน...แสนนาน.... ของ CHINESE DEMOCRACY




Chinese Democracy อัลบั้มของวงร็อค Guns N’ Roses ที่แฟนๆคอยแล้วคอยเล่าไม่ต่ำกว่า 14 ปี ออกวางขายจนได้ในวันที่ 23 พ.ย. 2008 ที่ผ่านมา การตอบรับจากนักวิจารณ์ทั่วโลกมีทุกรูปแบบ Rolling Stone และ allmusic ให้สี่ดาวพร้อมคำชื่นชม เว็บอินดี้ชื่อดัง pitchforkmedia มอบดาวให้ 5.8/10 และ NME 4.5/10 แฟนบางกลุ่มก็ชื่นชมและยกให้เป็น masterpiece แต่อีกกลุ่มก็แทบจะฟังให้จบอัลบั้มยังไม่ได้เลย ยอดขายในสัปดาห์แรก มันเปิดตัวในอเมริกาได้แค่อันดับ 3 และอันดับ 2 อังกฤษ ซึ่งด้วยมาตรฐานของทุกวันนี้กับวงระดับนี้ถือเป็นความล้มเหลว Geffen ก็กลุ้มใจเพราะ Axl Rose ไม่โผล่หัวมาช่วยโปรโมทเลยแม้แต่นิดเดียว ความจริงแล้วเขาหายตัวไปอย่างลึกลับกว่าสองเดือนแล้ว.... ชะตากรรมของอัลบั้มที่โลกรอนี้จะกลายเป็นความล้มเหลวครั้งยิ่งใหญ่ของ Guns N’ Roses หรือมันจะค่อยๆกลับมาชนะใจผู้ฟังได้เหมือน Appetite For Destruction อัลบั้มแรกของพวกเขาในปี 1987 ก็คงต้องติดตามกันต่อไปสักระยะ

ผมใคร่ขอพาท่านผู้อ่านย้อนกลับไปในปี 1993 และเดินทางไปกับการทำงานอันแสนจะวุ่นวายสับสนสุดเพี้ยนของอัลบั้มนี้ กว่าที่จะได้ออกมาเป็น 14 เพลงใน Chinese Democracy

ปลายเดือนพ.ย. 1993 GNR (ที่ขณะนั้นมีสมาชิกคือ Axl Rose ร้องนำ,เปียโน Slash, Gilby Clarke กีต้าร์ Duff McKagan เบส Matt Sorum กลอง และ Dizzy Reed คีย์บอร์ด) ออกอัลบั้มรวมเพลง punk cover ‘The Spaghetti Incident?’ แม้จะเป็นแค่งานขัดตาทัพแต่อัลบั้มนี้ฟังสนุกใช้ได้นะครับ ต้นปี 1994 โรสไปร้องเพลง Come Together กับ Bruce Springsteen ในงาน induct Elton John เข้า Hall Of Fame เขาจะไม่ปรากฎตัวในที่สาธารณะอีก 6 ปีหลังจากนี้ (ไม่นับในศาล) Geffen Records เริ่มวางแผนจะให้พวก GNR บันทึกเสียงอัลบั้มใหม่กันเสียที ด้วยการจองห้องอัด The Complex ใน L.A. ไว้ให้ แต่ทางวงไม่เคยโผล่มาพร้อมกันแม้แต่ครั้งเดียว เมษายน Duff McKagan มือเบสเจอปัญหาสุขภาพ-ตับอ่อนระเบิด จากการดื่มจัดเกินไป เขากลับตัวจากเหตุการณ์ครั้งนั้นและกลายไปเป็นนักเล่นศิลปะป้องกันตัวอย่างแกร่งแถมไปเรียนต่อได้ปริญญาทางการเงินมาด้วยในเวลาต่อมา มิ.ย. Gilby Clarke กีต้าร์มือสองของวงออกอัลบั้มเดี่ยว Pawnshop Guitars ที่หลายคนยกให้เป็นงานโซโลที่ดีที่สุดของสมาชิก GNR โดยมี Duff, Slash และ Axl เป็นแขกรับเชิญ Gilby ให้สัมภาษณ์กับ Kerrang! ขณะโปรโมทอัลบั้ม โดยมีการพาดพิงถึงโรสในแง่ลบนิดหน่อย ผลก็คือเขาถูกโรสไล่ออกจากวงทันที



ขณะที่การบันทึกเสียงของ GNR ยังไม่ไปไหน และแทบไม่มีใครเข้าถึงตัวโรสได้ Slash ก็เริ่มหันไปสนใจกับงานเดี่ยวของเขาในนาม SVO Snakepit ช่วงนั้น GNR มีงานเข้าคือการทำเพลง Sympathy For The Devil เพื่อเป็นซาวนด์แทร็คให้หนัง Interview With The Vampire เพลงนี้กลายเป็นรอยร้าวลึกสาหัสระหว่างโรสกับ Slash เขายืนยันจะให้ Paul Huge ผู้ที่ไม่มีใครในวงนอกจากโรสชอบหน้ามาเล่นกีต้าร์แทน Gilby และแย่กว่านั้นลับหลัง Slash โรสก็ยังให้ Huge บันทึกเสียงกีต้าร์ซ้อนทับไปบนส่วนของ Slash อีกด้วย สร้างความประทับใจให้มือกีต้าร์หัวฟูยิ่งนัก!!! Slash ยังพยายามจะหาเวลาปรับความเข้าใจกับโรสอีกครั้ง พวกเขาเจอกันใน lounge แห่งหนึ่งแต่โรสคุยผ่านนิตยสารที่ถือบังหน้าอยู่โดยไม่มองตา Slash แม้แต่ครั้งเดียว Sympathy For The Devil ถูกตัดออกมาเป็นซิงเกิ้ลของ GNR ในเดือนธันวาคม 1994 (ท่านผู้อ่านอาจจะหาฟังได้ในอัลบั้ม Greatest Hits ของวง) Slash นิยามว่าถ้าใครอยากฟังสภาพของวงที่กำลังจะล่มสลายก็ให้ฟังเพลงนี้ได้เลย (ถึงอย่างไร ผมก็ยังคิดว่านี่เป็นการ cover ที่ยอดเยี่ยมของวงอยู่ดี)



กุมภาพันธ์ 1995 อัลบั้ม It’s Five O’Clock Somewhere ของ Slash’s Snakepit ออกวางตลาด Gilby, Duff และ Matt มาร่วมเล่นด้วย Geffen ยังอยากให้ GNR กลับเข้าห้องอัดอีกครั้งเพื่อรักษาชื่อวงเอาไว้ ในปีนี้พวกเขาเข้าห้องอัดกันที่ The Complex กันไม่กี่ครั้ง และแต่ละครั้ง Axl ไม่โผล่หัวมาจนกระทั่งตีสอง กลางปีโรสหมดเวลาส่วนหนึ่งไปกับการขึ้นศาลกับคดีกับสองคนรักเก่าจนต้องตกลงกันนอกศาลในที่สุด สิงหาคม 1995 โรสประกาศลาออกจากวงและจะเอาชื่อวงไปใช้ต่อ? ก่อนหน้านี้มีการยื่นสัญญาบางอย่างให้ Slash และ Duff เซ็น ซึ่งทั้งสองรับไม่ได้ ด้วยความเซ็งระอาเต็มทนทั้งคู่จึงยอมเซ็นยกวงให้โรสไป fast forward ไปถึงเดือนกันยายน 1996 งานทุกอย่างของ GNR หยุดนิ่ง ตุลาคม Slash ประกาศออกจากวงเป็นทางการ เขากับโรสนัดเจอกันลับๆอีกครั้ง โรสเล่าแผนการณ์ที่เขาวางไว้กับอนาคตของวงให้ฟัง ซึ่งทั้งหมด Slash คิดว่ามันตลกสิ้นดี






1997 Todd Sullivan นักบริหารจัดการมือดีถูกส่งเข้ามาเพื่อจัดการกับโรสให้เข้าที่เข้าทาง เขาส่งซีดีหลายแผ่นที่มีโปรดิวเซอร์ต่างๆกันเพื่อให้โรสได้ลองเลือกเผื่อจะถูกใจ โรสโยนแผ่นทั้งหมดทิ้งและขับรถทับแหลกละเอียดโดยไม่ได้ฟังซักแผ่น Todd ได้นั่งคุยกับโรสในเวลาต่อมา และนักร้องเจ้าอารมณ์ได้เปิด demo บางส่วนให้ฟัง Todd ตั้งใจฟังอย่างดีและแนะนำให้โรสโฟกัสกับงานและทำเพลงให้เสร็จเป็นเพลงๆไป โรสจ้องตากลับและทวนประโยคของ Todd ใส่หน้า ไม่นานหลังจากนั้น Todd ก็ได้รับโทรศัพท์ว่าเขาไม่ได้ทำงานกับ GNR อีกต่อไป Moby คือรายต่อไปที่ก้าวเข้าสู่ production ของ Chinese Democracy (ตอนนั้นเริ่มใช้ชื่อนี้แล้ว) Moby มืชื่อในด้าน techno-sound production ที่โรสหวังจะใช้มันในอัลบั้ม แต่ Moby ก็อยู่ได้ไม่นาน เขาคิดว่าโรสมีปัญหาด้านสภาพจิตและยังคิดว่า Chinese… อาจจะไม่มีวันได้ออกเลยด้วยซ้ำ สิงหาคม 1997 Duff ประกาศลาออกจากวงอย่างเป็นทางการ

1998 GNR ยุคใหม่เริ่มต้นทำงานที่ห้องอัด The Rumbo Sound Matt Sorum มือกลองถูกเชิญออกและแทนที่ด้วย Josh Freese, Robin Finck อดีต Nine Inch Nails มาแทนที่ Slash, Duff มีตัวแทนชื่อ Tommy Stinson อดีต The Replacements ส่วน Dizzy Reed กับ Paul Huge ยังอยู่รอดต่อไป

Youth (Martin Glover) ผู้เคยทำงานกับ U2 คือโปรดิวเซอร์รายต่อไป Geffen อยากได้งานใหม่จาก GNR ใจจะขาด และให้รางวัลล่อใจโรสหลายอย่างรวมทั้งเงินล้านเหรียญฟรีๆถ้าอัลบั้มเสร็จทันมีนาคม 1999 แต่ดูเหมือนไม่มีอะไรดึงโรสมาเข้าห้องอัด Rumbo ได้ เขายังเก็บตัวเงียบอยู่ที่บ้านใน Latigo Canyan Youth ตระหนักว่างานไม่เดินแน่ๆเขาลาออกไป Sean Bevan ผู้เคยโปรดิวซ์ให้ Nine Inch Nails และ Marilyn Manson คือรายต่อไป เริ่มมีความกดดันอย่างหนักใน Geffen Records กับอัลบั้มที่ใช้เงินไปหลายล้านแต่ยังไม่มีวี่แววว่าจะได้กำหนดคลอด แต่ปี 1988 ก็ผ่านไปโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีกปี

มกราคม 1999 เริ่มมีการเตรียมบทเพลงสำหรับอัลบั้มแสดงสดของ Guns N’ Roses เพื่อกอบกู้สถานการณ์ และลดความกดดันให้โรส มีนาคม 1999 เส้นตายของ Chinese Democracy ผ่านไปโดยไม่มีใครตื่นเต้นอะไร แต่แล้วเพลงใหม่ล่าสุดของวงในรอบแปดปี Oh My God ก็โผล่ขึ้นมาในหนังเรื่อง End Of Days ด้วยซาวนด์ industrial จ๋าๆ แม้ว่าเพลงจะไม่เป็นที่ประทับใจกับใครเอาเสียเลย แต่มันก็เป็นการปลุกกระแส Chinese Democracy ขึ้นมาอีกครั้ง ปลายปีโรสเล่นเพลงใน Chinese…12 เพลงให้นิตยสาร Rolling Stone ฟังเล่นๆ RS เผยว่าอัลบั้มน่าจะออกวางขายได้ในปี 2000 พ.ย. 1999 Live Era 87-93 ออกวางจำหน่าย ยอดขายไปได้ไม่ดีนัก และตัวงานก็ออกมาน่าผิดหวัง
ก้าวสู่ทศวรรษใหม่ Sean Bevan ถอนตัวจากโปรเจ็ค Roy Thomas Baker อดีตโปรดิวเซอร์ผู้ยิ่งใหญ่ของ Queen ก้าวเข้ามาแทน พร้อมกับสมาชิกใหม่ Brian Mantia (กลอง) และ มือกีต้าร์ล้ำยุค Buckethead ผู้มักสวมใส่หน้ากากไร้อารมณ์สีขาวและหมวกที่เป็น KFC Bucket โรสสั่งให้บันทึกเสียงเพลงทั้งหมดใหม่อีกครั้งด้วยทีมงานชุดใหม่ มิ.ย. 2000 โรสขึ้นเวทีกับ Gilby Clarke ที่ Cathouse ท่ามกลางความตื่นตะลึงของแฟนๆ วันสุดท้ายของปี 2000 GNR เล่นที่ Houses Of Blues ใน Las Vegas นำทีมโดยโรส Buckethead, Finck ทางวงดูจะ active มากในช่วงนี้ มกราคม 2001 พวกเขาเล่นต่อหน้าคนดูสองแสนคนที่บราซิลในงาน Rock In Rio III และตามมาด้วยแผนการทัวร์ยุโรป แต่ในที่สุดก็มีการยกเลิกไปโดยไม่มีการแจงเหตุผลใดๆ

Tom Zutaut นักบริหารผู้เป็นคนเดียวที่เคยจัดการให้วงเข็นอัลบั้มออกมาได้สำเร็จตั้งแต่ยุค Appetite, Use Your Illusion กลับเข้ามารับงานอีกครั้ง Tom ทำให้งานเดินไปได้ดีพอสมควร Buckethead เริ่มมีปัญหากับวงด้วยความเพี้ยนที่ไม่น้อยไปกว่าโรส เขาต้องมีกรงส่วนตัวในห้องอัด (ในบางอารมณ์เขามีความเชื่อว่าตัวเองเป็นไก่..!!!??) และ Buckethead จะมีความสุขมากถ้าได้ชมหนัง porn สักเรื่องสองเรื่องก่อนบันทึกเสียงโซโล ซึ่งโรสไม่ขำไปด้วยกับพฤติกรรมเหล่านี้ คริสต์มาส 2001 ทั้ง Tom และ Roy Thomas ก็หลุดจากวงโคจรไปเช่นกัน ปลายเดือนธันวา 2001 GNR เล่นสองโชว์ส่งท้ายที่ Las Vegas Slash และภรรยาคนใหม่พยายามจะเข้าไปชม แต่ถูกการ์ดตะเพิด เพราะกลัวว่าจะทำให้โรสเสียสมาธิในการแสดง

โรสเริ่มต้นปี 2002 โดยการให้ทางวงบันทึกเสียงเพลงทั้งหมดใหม่อีกครั้ง Richard Fortus เข้ามาแทน Paul Huge ช่วงฤดูร้อนพวกเขาทัวร์ญี่ปุ่นและยุโรป ตั๋วขายหมดและโชว์ก็ได้รับการชื่นชมเป็นอย่างดี 29 สิงหาคม พวกเขาไปโผล่อย่างไม่มีใครคาดคิดในงาน MTV Music Video Awards เล่นเพลง Welcome To The Jungle, Madagascar และปิดท้ายอย่างเมามันด้วย Paradise City พ.ย. พวกเขาออกทัวร์อเมริกาเหนือเป็นครั้งแรกในรอบสิบปี แม้จะเริ่มต้นไม่ดีนักในแวนคูเวอร์เพราะโรสเครื่องบินเสียทำให้มาไม่ทันต้องเลื่อนโชว์แต่โชว์อื่นๆในเดือนนั้นก็ไปได้ค่อนข้างดี 5 ธันวาคม พวกเขาแสดงอย่างยิ่งใหญ๋ที่ Madison Square Garden แต่วันต่อมาก็เกิดเรื่องอีก ทางวงมีโปรแกรมแสดงที่ฟิลาเดลเฟียแต่โรสติดดูเบสบอลทางทีวีอยู่ที่โรงแรมในแมนฮัตตัน มีการประกาศงดการแสดงตอนห้าทุ่ม เกิดจลาจลในหมู่คนดูผู้เดือดดาล โปรโมเตอร์ประกาศเลิกทัวร์ทั้งหมดที่เหลืออยู่

2003 Geffen บอกโรสว่าจะออกอัลบั้ม Greatest Hits แต่โรสไม่ต้องการและสัญญาว่าจะออกอัลบั้มใหม่ให้ได้ในปีนี้ แต่จนแล้วจนรอดปีนั้นก็ผ่านไปโดยไม่มีอะไรเหมือนเคย

2004 กุมภาพันธ์ Buckethead ลาออก และเดือนต่อมา Geffen ก็ปล่อย Greatest Hits ออกมาจนได้ ไม่น่าเชื่อว่ามันขายดีเป็นเทน้ำเทท่าถึงสองล้านแผ่นอย่างรวดเร็วและขึ้นอันดับ 1 ในอังกฤษ Contraband อัลบั้มแรกของ Velvet Revolver ที่มีสมาชิกชื่อ Slash, Duff และ Matt Sorum โดยมี Scott Weiland อดีต Stone Temple Pilots ร้องนำออกวางตลาด

2005 Mark Mercuriades แห่ง Sanctuary Records กลายมาเป็นผู้จัดการวง GNR พ.ค..GNR เปิดการแสดงในสถานที่ระดับโรงภาพยนตร์ในนิวยอร์คเป็นเวลา 1 สัปดาห์ โดยเล่นเพลงเก่าๆเป็นหลัก นักวิจารณ์และแฟนๆชื่นชม ต้นปี 2006 เริ่มมีการรั่วไหลของเพลงจาก Chinese.. ทาง Internet สถานีวิทยุเริ่มเปิดแทร็ค I.R.S. ที่ได้จากการดาวน์โหลด ก่อนที่ทางวงจะออกมาระงับ

Slash ดอดไปเยี่ยมบ้าน Axl ในคืนวันหนึ่ง โรสออกมาประกาศว่า Slash ยอมรับว่าที่โรสเคยวาดฝันเอาไว้เมื่อวันวานนั้นเขาพูดถูกทุกอย่าง พ.ค. 2006 GNR เล่นโชว์อุ่นเครื่องในนิวยอร์คก่อน World Tour ในคืนแรกของการโชว์นี้ Izzy Stradlin’ อดีตมือกีต้าร์ยุคแรกของวงขึ้นเวทีท่ามกลางความประหลาดใจของทุกคน รวมทั้งตัวเขาเอง แฟนๆกรี้ดกันไม่หยุด แฟนๆแอบเห็น Izzy น้ำตาซึมขณะที่วงเริ่มเพลง It’s So Easy มิ.ย. 2006 หลังการแสดงที่สต็อกโฮล์ม โรสเมาแอ๋กลับโรงแรมตอนตีสามและมีเรื่องตะโกนด่าทอกับหญิงสาวคนหนึ่งจนร.ป.ภ. ต้องมาห้าม โรสตอบโต้ด้วยการฟาดกระจกแตกและกัดขาร.ป.ภ.ผู้โชคร้าย...โปรดฟังอีกครั้ง... “กัด” โรสถูกตำรวจลากเข้าคุกและถูกปรับไป 5,000 เหรียญสหรัฐฯ

กันยายน 2006 หลังโชว์ที่ San Bernardino โรสจัดปาร์ตี้ที่บ้านใน Malibu และเปิดเพลงใน Chinese… ให้แขกเหรื่อฟังเต็มๆ โรสคุยว่า Andy Wallace ผู้เคยมิกซ์อัลบั้ม Nevermind ให้ Nirvana กำลังมิกซ์ Chinese… อยู่ ผู้จัดการวง Merck Mercuriades รีบออกมาเสนอหน้าว่าอัลบั้มจะออกมาตอนปลายปี 2006 เดือนต่อมาโรสประกาศว่าเป็น Merck เองที่ต้องออก ส่วน Chinese… ยังอยู่ในกรุต่อไป ปลายปีนั้น Tower Records ปิดตัวลง เพราะเด็กๆไม่ซื้อซีดีกันอีกต่อไป โรสเองก็รู้สึกหวั่นใจว่าจะมีใครซื้อ Chinese… หรือไม่ เขายังออกมากล่าวเป็นนัยๆว่าอัลบั้มอาจจะออกในเดือนมีนาคม 2007 แต่แน่นอนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น พ.ค. 2007 มีแทร็คหลุดออกมาอีก ส่วนมากจะเป็นการ remix จากเพลงที่หลุดมาก่อนหน้านี้ ฤดูร้อนปีนั้น โรสเปลี่ยนบรรยากาศไปบันทึกเสียงร้องร่วมกับเพื่อนรัก Sebastian Bach ในงาน Solo ของฝ่ายหลัง Angel Down สามแทร็คในอัลบั้มนี้ที่โรสร่วมร้องเป็นการบันทึกเสียงครั้งแรกของเขาที่ออกมาในรอบหลายปี

มีนาคม 2008 โซดา Dr. Pepper ออกมาประกาศว่าจะแจกโซดาฟรีให้ทุกคนในอเมริกาถ้า Chinese… ออกมาก่อนสิ้นปี 2008 Spring 2008 Scott Weiland ออกจาก Velvet Revolver เกิดข่าวลือว่าโรสอาจจะมาแทนที่ มิ.ย. 2008 เก้าเพลงใน Chinese… หลุดออกมาอีก แฟนๆเริ่มมั่นใจว่าอัลบั้มน่าจะใกล้เสร็จจริงๆแล้ว วิทยุเริ่มเปิดเพลงเหล่านี้ ก่อนที่ทีมงานของวงจะออกมาสกัดอย่างดุดัน สิงหาคม Shackler’s Revenge แทร็คหนึ่งใน Chinese… มีชื่ออยู่ในซาวนด์แทร็คของเกม Rockband 2 ที่จะออกในเดือนกันยายน ตุลาคม 2008 Geffen ประกาศอย่างเป็นทางการว่า Chinese Democracy จะออกวางขายในวันที่ 23 พ.ย. 2008 โดยมีทั้งซีดี ไวนีล และดาวน์โหลด ซิงเกิ้ลแรกคือไทเทิลแทร็ค ตามด้วย ‘Better’

11 พ.ย. 2008 David Fricke แห่ง นิตยสารดนตรีชื่อดัง Rolling Stone เป็นเจ้าแรกที่รีวิว Chinese… โดยบรรยายว่ามันเป็นอัลบั้มร็อคที่ “ยิ่งใหญ่ ห้าวหาญ หลากหลาย และไม่ประนีประนอม....”

No comments: