Tuesday 29 March 2011

Warpaint: The Fool














Warpaint-The Fool (2010) ****



Producer: Tom Biller

Genre: Psychedelic Rock, Dream Pop, Indie Rock

Released: October 2010

สาวๆท่าทางธรรมดาๆสี่คนจากแอลเอ กับผลงานอัลบั้มแรกอย่างเป็นทางการของพวกเธอ หลังจากเคยมี EP ออกมา 1 แผ่นเมื่อปี 2009 ผมไม่เคยฟัง EP แผ่นนั้นมาก่อน แต่ชื่อเสียงของ Warpaint ก็เป็นที่โจษจันว่าเป็นความหวังใหม่ของวงการดนตรีในปี 2010 กระนั้นผมก็ไม่เคยคิดว่าจะได้ยินเสียงอะไรแบบนี้จากพวกเธอ นี่ไม่ใช่อัลบั้มร็อคฟังสนุกๆของผู้หญิงที่มารวมวงกันและเล่นดนตรีพอใช้ได้อย่างที่ผมคาดเอาไว้ แต่ The Fool เป็นงานที่มืดหม่น ซับซ้อน มันคือการผจญภัยไปในสรรพเสียงที่นำทางโดยไกด์เสียงหวานแต่แทบไม่เคยยิ้มแย้ม Warpaint ได้สร้าง sound ของตัวเองขึ้นมาในแบบที่ยากจะเจาะจงไปว่าพวกเธอเล่นดนตรีแนวไหน และเหนืออื่นใด ฝีมือของพวกเธอเหนือชั้นไม่ด้อยไปกว่าความคิดสร้างสรรค์ นี่คืออัลบั้มแห่งการแจมยาวเหยียดจากผู้หญิงสี่คนที่ประดุจมีการเชื่อมต่อทางจิตวิญญาณถึงกันและกัน งานชั้นเลิศอย่างนี้คือเหตุผลสำคัญที่คนรักดนตรีไม่อาจหยุดเสพงานใหม่ๆจากศิลปินหน้าใหม่ได้

Warpaint ปัจจุบันมีสมาชิกคือ Emily Kokal (ร้อง,กีต้าร์) Jenny Lee Lindberg (เบส,ร้อง) Therasa Wayman (ร้อง,กีต้าร์,กลอง,คีย์บอร์ด) และ Stella Mozgawa (กลอง,คีย์บอร์ด,ร้อง,กีต้าร์) พวกเธอตั้งวงกันมาตั้งแต่ 6 ปีก่อนในปี 2004 และมีการเปลี่ยนแปลงสมาชิกก่อนหน้านี้สามคน พวกเธอเริ่มต้นด้วยการตระเวณแสดงกันในแอลเออยู่สามปี มีสาวกติดตามอยู่พอสมควร และเริ่มเขียนเพลงกันเองอย่างเช่น เพลง ‘Stars’, ‘Elephants’ และ ‘Beetles’ เพลงเหล่านี้ต่อมาพวกเธอก็ได้นำมาบันทึกเสียงใน EP ชุดแรก ‘Exquisite Corpse’ ที่บันทึกเสียงกันตอนปลายปี 2007 โปรดิวซ์โดย Jack Bercovici และได้อดีตมือกีต้าร์คนดังของ Red Hot Chili Peppers –John Frusciate มามิกซ์เสียงและทำมาสเตอร์ให้ พวกเธอออก EP นี้กันแบบไม่มีสังกัด แต่ต่อมา Manimal Vinyl ก็ซื้องานนี้ไปออกในปี 2009 และได้รับเสียงวิจารณ์ออกไปในแง่บวก โลกได้เริ่มรู้จักสุ้มเสียงของ Warpaint ไซคีดีลิคหลงยุคที่ขับร้องโดยนักร้องสาวสามคนที่ล่องลอยหลอนฟุ้งบนเมโลดี้ที่ดิบแต่งดงามนั้น หลังจากได้มือกลองคนใหม่ Stella Mozgawa ในปี 2009 พวกเธอได้เซ็นสัญญากับ Rough Trade การเข้ามาของ Stella เป็นการเติมเต็มซาวนด์ของ Warpaint ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ก่อนหน้านี้หลายคนอาจจะได้ฟังพวกเธอ cover เพลง Ashes To Ashes ของ David Bowie ไว้ได้อย่างน่าฟังในอัลบั้ม tribute ให้ศิลปินผู้ยิ่งใหญ่ผู้นี้

9 เพลงใน The Fool ล้วนแล้วแต่เป็นเพลงที่เต็มไปด้วยความยาว 5-6 นาทีที่ไม่ใช่สูตรสำเร็จในการทำเพลงป๊อบไม่ว่าจะยุคไหนๆ แทบทุกแทร็คมีทางเดินคดเคี้ยวและยืดยาว มันเป็นประสบการณ์การฟังเพลงที่ตื่นหูตื่นใจหลังจากที่แทบจะไม่มีอะไรใหม่ๆเกิดขึ้นในวงการดนตรีมาแสนนาน เพลงเดินเรื่องด้วยเสียงเบสอันลึกล้ำและน่าฉงนงงงวยในทิศทางของ Jenny Lee Lindberg และเสียงกลองอันเหนือชั้นเกินสตรีทั่วไปของ Stella เพื่อนำทางให้ชั้นต่างๆของสรรพเสียงที่วางกันมาอย่างพิลึกพิลั่น

Set Your Arms Down เพลงเปิดอัลบั้มจับผู้ฟังทุกท่านลงนั่งนิ่งอย่างไร้ทางต่อสู้ด้วยจังหวะที่อืดแน่นนิ่งเหมือนภาพ super slow-motion เสริมให้เสียงร้องนางพรายของพวกเธอหลอกหลอนหนักข้อขึ้น อารมณ์เพลงถูกสร้างก่อสูงจนท้ายเพลงที่ราวกับแต่ละนางต่างโซโล่ไปคนละทางด้วยอารณ์กระเจิดกระเจิงหายไปในความมืด แค่เพลงนี้เพลงเดียวก็มั่นใจได้แล้วว่านี่ไม่ใช่งานธรรมดาเสียแล้ว Warpaint เพลงที่สองที่ชื่อเหมือนวงยังต่อกันด้วยอารมณ์หลอกหลอนในชั้นเชิงที่กระชับขึ้นกว่าเดิมด้วยจังหวะที่รุกเร้าเขย่าประสาท คุณอาจจะนึกถึง influence ของพวกเธอได้มากมายจาก Joy Division, The Cure, Echo and the Bunnymen, Bjork และโดยเฉพาะเสียงร้องของ Cat Power แต่ Warpaint ก็ไม่ได้ทำให้เรารู้สึกว่าพวกเธอลอกแนวทางของใครมาตรงๆแต่อย่างไร Undertow เร็กเก้เบสไลน์และทำนองแสนเซ็กซี่ของเสียงร้องแบบเกิร์ลกรุ๊ปยุคใหม่ทำให้เพลงนี้น่าจะเป็นเพลงที่เข้าถึงง่ายที่สุดเพลงหนึ่งของอัลบั้ม นอกเหนือจาก Baby ที่ตัดเครื่องดนตรีอื่นๆออกเหลือแต่เสียงร้องอันเปล่าเปลือยและอคูสติกกีต้าร์จนแทบไม่เหลือความหลอนเหมือนแทร็คอื่น เพราะขาดใจ!

คงไม่จำเป็นต้องบรรยายเพลงอื่นๆในอัลบั้มที่ถ้าจะต้องพูดถึงคงต้องเล่ากันตั้งแต่ต้นยันจบเพลง เพราะแต่ละเพลงเต็มไปด้วยการผจญภัยไปทั่วหัวระแหง นี่เป็นอัลบั้มที่ต้องใช้เวลาในการย่อยและดูดซึมพอสมควรด้วยรายละเอียดมากมายในนั้น คุณจะชอบ The Fool ถ้าชอบร็อคในแนวไซคีดีลิค,อารมณ์หม่นหมองและหลอนหลอกแบบ Gothic แต่ขับร้องด้วยเสียงร้องหวานๆล่องลอยของสุภาพสตรีที่ออกจะน่ากลัวนิดๆครับ!

Tracklist

1. "Set Your Arms Down"

2. "Warpaint"

3. "Undertow"

4. "Bees"

5. "Shadows"

6. "Composure"

7. "Baby"

8. "Majesty"

9. "Lissie's Heart Murmur"

No comments: