Wednesday 19 December 2018

White Album at 50

The Beatles :: The BEATLES (1968) ★★★★★


-----
ในยุค 60's การที่ศิลปินจะออกอัลบัมคู่ (double album) ที่มีแผ่นเสียงสองแผ่นในเซ็ตเดียวไม่ถือเป็นเรื่องปกติ เหตุผลหลักๆคือการมีไอเดียที่พรั่งพรูมหาศาลจนก่อให้เกิดเพลงจำนวนมากที่ไม่อาจจะบรรจุไว้ในลองเพลย์แผ่นเดียวได้ (และศิลปินก็ไม่อยาก"ดอง"เอาไว้ในโอกาสต่อไป) หรืออีกเหตุผลก็คือความปรารถนาจะทำเป็นคอนเซพท์อัลบั้ม ที่ต้องการพื้นที่มากพอที่จะเล่นกับเรื่องราวของคอนเซพท์นั้น
ในกรณีของ The Beatles กับ The White Album (ชื่อเล่นที่ถูกเรียกขานกันจนเป็นชื่อจริงไปแล้ว) น่าจะเป็นเหตุผลแรกเสียมากกว่า พวกเขามีเพลงตุนอยู่ในมือกันมากมายกว่า 30 เพลง หลักๆได้มาจากการไปเล่นกีต้าร์แต่งเพลงกันที่อินเดีย ระหว่างการไปออกค่ายวิปัสสนากับ Maharishi Yogi แม้แต่ริงโก้ สตาร์ ก็ยังมีเพลงมานำเสนอกับเขาด้วย (แต่เพลง Don't Pass Me By ของเขานั้น ริงโก้แต่งมาตั้งแต่ปี 1963 แล้ว) มีการถกเถียงกันไม่เลิกราตั้งแต่สมัยนู้นจนถึงทุกวันนี้ ว่าถ้าพวกเขาเลือกเฉพาะเพลงเด็ดๆซัก 14-15 เพลงมาทำเป็น single LP มันจะเป็นงานที่สมบูรณ์แบบกว่า White Album ในแบบที่เรารู้จักกันนี้ไหม ซึ่งโปรดิวเซอร์ จอร์จ มาร์ติน ดูเหมือนจะยืนอยู่ในฝั่งความเห็นนี้ แต่ พอล แมคคาร์ทนีย์ ไม่คิดเช่นนั้น เขาเคยหล่นวาทะดุดันใส่หน้าคนที่มาถามคำถามแบบนี้ว่า "มันคือไวท์อัลบั้มของบีทเทิลส์โว้ย หุบปากซะ!" (แปลว่า มันเป็นอย่างนี้น่ะดีแล้ว หยุดจินตนาการได้ซะที) แต่, เชื่อผมสิ, ไม่มีแฟนบีทเทิลส์คนไหน ไม่แอบลองจัดเพลงแบบ "แผ่นเดียว" ไว้ในใจหรอก (แล้วคุณจะรู้ว่ามันไม่ง่าย)
ส่วนเหตุผลที่ต้องเป็น double album เพราะเพื่อสนองความเป็น concept album น่าจะใช้ไม่ได้กับ White Album เพราะถ้าจะมีอัลบั้มไหนที่ไม่มีคอนเซพท์อะไรเลย แต่ละเพลงไปคนละทิศละทาง ก็คงจะต้องยกให้ White Album นี่แหละ แต่ก็อาจจะมีคนแถว่า นี่ไง คอนเซพท์ -- ความหลากหลายไร้กฎเกณฑ์ใดๆ... ก็ว่ากันไป
The Beatles ควรจะถึงจุดพีคในการสร้างสรรค์ผลงานจากสตูดิโอแล้วด้วยอัลบั้ม Sgt. Pepper's Lonely Hearts Club Band ในปี 1967 มันเป็นงานหยุดโลกที่ยากเหลือเกินที่พวกเขาจะเอาชนะตัวเองได้ และใน EP + soundtrack ต่อมา Magical Mystery Tour มันก็มีสัญญาณจริงๆว่าพวกเขากำลังอยู่ในขาลง และมีการย่ำรอยตัวเอง ซึ่งแทบไม่เคยเกิดขึ้นกับ The Beatles ตั้งแต่ปี 1965 เป็นต้นมา สิ่งหนึ่งที่ตอกย้ำให้สถานการณ์เลวร้ายลงไปอีกคือการเสียชีวิตอย่างกะทันหันของผู้จัดการวง ไบรอัน เอ็บสไตน์ สี่เต่าทองผู้แทบไม่เคยจับงานบริหารหรือธุรกิจเลย ถึงกับเคว้ง
โชคดีที่ The Beatles ไม่คิดจะทำตัวเป็น Sgt. Pepper... Band อีกครั้ง พวกเขาหันหลังให้กับไซคีดีลิคร็อคอันซับซ้อนโดยสิ้นเชิง 30 เพลงใน White Album คือความหลากหลาย ความสดใหม่ บางเพลงย้อนไปหารากเหง้าของแต่ละสมาชิก บางเพลงคือการเดินทางไปสู่ดินแดนที่ไม่เคยมีใครย่างกราย มันไม่ใช่ 30 เพลงที่เลอเลิศไปทั้งหมด แต่เมื่อได้รับการจัดเรียงอย่างชาญฉลาด มันได้กลายเป็นเซ็ตเพลงที่ทรงพลังอย่างยิ่ง มันยากเหลือเกินที่คุณจะไม่ชอบสักเพลงในอัลบั้มแผ่นคู่นี้ และมันก็ไม่ง่ายเช่นกันที่คุณจะรักมันทั้งหมด อย่างไรก็ตาม, คุณต้องทึ่งในความสุดขั้วของมันเมื่อฟังมันจบ, ครั้งแล้วครั้งเล่า
ถ้าใครถามว่า The Beatles เล่นดนตรีแนวไหน โยนอัลบั้มคู่ชุดนี้ให้เขาฟัง แล้วสำทับไปว่า ก็ได้เกือบจะทุกแนวแหละ และยังมีแนวที่นายอาจจะไม่คิดว่าเป็นแนวอีกด้วยนะ!
ถ้า Rubber Soul คือสาวหวานขี้เล่น, Revolver คือหญิงเปรี้ยวฉลาดเฉลียวชอบลองของ, Sgt. Pepper ย่อมเป็นสตรีระดับผู้บริหาร และ Abbey Road คือรุ่นใหญ่ระดับนายกรัฐมนตรีหญิง แล้ว White Album ควรจะเป็นอะไรดี? จากความหลากหลายและหวือหวาสุดขั้วของ 30 เพลงในนี้ วินิจฉัยว่าเธอน่าจะเป็นคนป่วยบุคลิกหลายแบบ (Multiple Personality Disorder) เป็นแน่แท้ คุณพร้อมจะรับมือกับเธอไหม?
วันหนึ่งเธออาจจะคึกคักเต็มไปด้วยชีวิตชีวา ดั่งใน Back In The USSR , วันต่อมาหวานแหววเรียบร้อยประหนึ่งใน I Will, เซ็กซี่สุดจะคาดเดาเช่นใน Happiness Is A Warm Gun, โรแมนติกลึกล้ำเยี่ยง While My Guitar Gently Weeps, เป็นสาวปาร์ตี้เหมือนใน Birthday หรืออาจจะล่องลอยเพ้อเจ้อ แต่น่าดึงดูดอย่างน่าประหลาด เช่นในความอวองการ์ดของ Revolution 9..... หรือเธออาจจะเป็นทุกอย่างในนี้ในวันเดียว...ก็เป็นได้
และถ้าใครคิดว่า double album มันมากเกินไปสำหรับการฟัง ในปี 2018 นี้ The Beatles เพิ่งออก Super Deluxe Edition ในโอกาสฉลองครบ 50 ปีของอัลบั้มนี้ ด้วยจำนวนเพลงทั้งหมดที่กินความในซีดีได้หกแผ่น, original album ในแบบรีมิกซ์ใหม่ สองแผ่น (โดยรวมเสียงดีมาก) , Esher Demos ที่กึ่งๆจะเป็น Beatles Unplugged ที่พวกเขาซ้อมเพลงใหม่ๆเหล่านี้กันที่บ้านของจอร์จ แฮริสัน ก่อนที่จะเข้าห้องอัดกันจริงจัง, และอีกสามแผ่นที่เป็นเพลงจาก sessions การบันทึกเสียงที่ไม่ได้นำไปใช้จริงในอัลบั้ม (แต่มันไม่ใช่ของเหลือเดนที่ถูกคัดออกแต่อย่างใด จะฟังเพื่อการศึกษาหรือความบันเทิงก็ได้อรรถรสนัก หลายเทคฟังแล้วเฮฮามาก จนคิดว่ามันจริงหรือที่ว่ากันว่าเซสชั่นส์นี้มันเครียดกันเหลือเกิน ) คงจะไม่ต้องเถียงกันอีกแล้วว่าสองแผ่นมันมากหรือน้อยเกินไปกระมัง?

No comments: