Friday 20 February 2009

Girls Aloud-- Out Of Control


Girls Aloud-Out Of Control ****




Girls Aloud เป็นวง “สาวสร้าง”ของแท้ ที่ถือกำเนิดขึ้นหน้าจอทีวีต่อหน้าผู้ชมนับล้านในรายการทีวี Popstars: The Rivals ในเดือนพ.ย.ปี 2002 และสาวห้าคนที่ถูกคัดมาเรียงตามลำดับในแต่ละสัปดาห์ มีนามว่า Cheryl Tweedy, (เปลี่ยนเป็น Cole แล้ว) Nicola Roberts, Nadine Coyle, Kimberley Walsh และ Sarah Harding


ภาระแรกของห้าสาวคือการประชันกับอีกวงที่เป็น Boy Band ซึ่งคัดมาจากงานเดียวกัน ชื่อวง One True Voice ว่าซิงเกิ้ลของใครจะขึ้นอันดับหนึ่งในช่วงคริสต์มาสได้ (ไม่มีคู่แข่งอื่นเลยหรือก็ไม่ทราบ?) ผลก็คือ Sound Of The Underground ของสาวๆ Girls Aloud เป็นผู้คว้าชัยในการประชัน โดยครองอันดับ 1 ได้ถึง 4 สัปดาห์ติดต่อกัน เพลงนี้ยังเป็นการร่วมงานกันครั้งแรกของสาวๆกับทีม production ที่มีชื่อว่า Xenomania หนุ่มๆ One True Voice ออกซิงเกิ้ลได้อีกแผ่นสองแผ่นก็พับฉากเก็บไปเรียบร้อยในปี 2003


แต่ใครจะเชื่อว่า Girls Aloud จะยืนยงคงกระพันมาได้ถึงปี 2008 มิหนำซ้ำชื่อเสียงของเธอยังโด่งดังไม่มีตก และ Xenomania ก็ยังคงอยู่เบื้องหลังความสำเร็จของสาวๆมาตลอดนับจากนั้นมา ซิงเกิ้ลดังแทบทุกแผ่นของ Girls Aloud เป็นผลงานการโปรดิวซ์ของทีมงาน Xenomania ทั้งสิ้น พวกเธอมีเพลงติดท็อปเท็นในอังกฤษ 19 เพลง 4 เพลงไปได้ถึงอันดับ 1 ลักษณะการทำงานของทีมโปรดักชั่นและศิลปินคุ่นี้ทำให้คิดถึง The Supremes ในยุค Motown Classics หรือทีมแต่งเพลงของ Stock, Aitken & Waterman ในยุค 80’s กับศิลปินอย่าง Kylie หรือ Rick Astley


ทีม Xenomania ประกอบไปด้วย Brian Higgins, Nick Coler, Giselle Sommerville, Miranda Cooper ( Moonbaby, ), Lisa Cowling, Tim Powell, และ Matt Gray. นอกจากศิลปินตัวหลักอย่าง GA แล้วพวกเขายังทำเพลงให้ Sugababes, Texas,Kylie, Franz Ferdinand, Annie, Gabriella Cilmi และที่โด่งดังที่สุดคือเพลง Believe ของ Cher

ถึงแม้ Xenomania จะทำเพลงได้สุด catchy แค่ไหน แต่ก็ต้องให้เครดิตกับสาวๆ Girls Aloud ด้วย แม้พวกเธอจะไม่ใช่สุดยอดนักร้องไร้เทียมทาน หรือมีเสน่ห์โดดเด่นเฉพาะตัวแบบ Spice Girls แต่ Girls Aloud มีความพอดีในหลายๆมิติ พวกเธอร้องเพลงได้ดีทุกคนและมีน้ำเสียงแตกต่างกันพอแยกออก character ที่วางไว้ก็ออกไปทางสวยมีคลาส เซ็กซี่พองามแต่ไม่โป๊น่าเกลียด เพลงที่ทีมงานทำให้ก็ช่างลงตัวกับภาพลักษณ์และวัยวุฒิของสาวๆยิ่ง เพลงของ Girls Aloud เป็น electric pop dance ที่มักจะ upbeat ชวนเต้น และรุ่มรวยเมโลดี้ติดหูหนึบหนับ

Out Of Control เป็นอัลบั้ม studio ลำดับที่ห้าของ GA อย่าหวังว่าพวกเธอจะเปลี่ยนแนวทางแต่อย่างใด ทั้ง 12 เพลงยังคงเป็น pop dance สุด catchy ที่มีโปรดักชั่นเข้มข้นจาก Xenomania เช่นเคย The Promise ซิงเกิ้ลเปิดตัวในสไตล์ Phil Spector ข้ามเวลามาโปรดิวซ์ ซินเธอะไซเซอร์รับบทพาร์ทที่ควรจะเป็นเครื่องเป่า สาวๆทั้งห้าแบ่งกันร้องคนละท่อนสองท่อน ความ pop ของมันทำให้ทำใจลำบากว่าท่อนเวิร์สหรือคอรัสที่ไพเราะกว่ากัน Loving Kind ป๋า Neil Tennant และ Chris Lowe แห่ง Pet Shop Boys บรรจงแต่งให้ร่วมกับทีม Xenomania แน่นอนย่อมมีกลิ่นของ PSB และชวนให้คิดถึง Call The Shots ซิงเกิ้ลสุดฮ็อทจากอัลบั้มที่แล้ว Tangled Up (ที่ผมยกให้เป็น pop single แห่งปี 2007) music video ของเพลงนี้ก็ทำได้เฉียบ โดยเฉพาะการตีความเนื้อร้องที่ว่า I buy you flowers I pour you wine แต่ใน clip พวกเธอสาดไวน์กันซะ.... สาวๆคงหวังจะน็อคแฟนๆในยกแรกเพราะเพลงที่สาม Rolling Back The Rivers In Time ก็เป็น Girls Aloud Classic พร้อมใบรับประกัน ที่น่าจะจ่อคิวซิงเกิ้ลต่อจากสองแทร็คแรก Johnny Marr อดีต The Smiths แอบมาเล่นกีต้าร์ให้

Brian Higgins หัวหน้าทีม Xenomania เคยคุยไว้ว่า หลักการของทีมงานเขาคืออะไรก็ได้ที่น่าสนใจในวงการดนตรีเขาจะเอามาใส่ในเพลงได้หมด แต่มีข้อแม้ว่าต้องให้บุรุษไปรษณีย์ผิวปากตามไปด้วยนะ ใน Out Of Control จึงไม่ได้มีแต่ pop สูตรสำเร็จซ้ำซาก Untouchable คือ dance epic ที่ยาวเหยียดถึงหกนาทีกว่า แต่เต็มไปด้วยสีสันตลอดเพลงจนไม่รู้สึกถึงความยาวเกินปกติเพลงป๊อบ Fix Me Up ฟังกี้และเซ็กซี่ที่สุดในอัลบั้ม Live In The Country ในแนว Drum ‘n’ Bass ที่นึกว่าสูญพันธุ์ไปแล้วแถมมีเซอร์ไพรซ์ด้วย sound effect ราวกับเป็น Pink Floyd ถึงยังไงแนวที่ GA ทำได้มันส์ที่สุดก็คือเพลง dance กระฉึกกระฉักเร็วจี๋อย่าง Miss You Bow Wow ปิดอัลบั้มด้วย We Wanna Party ที่มีชื่ออัลบั้ม “Out Of Control” ซ่อนอยู่

Out Of Control ไม่ได้อยู่เหนือการควบคุมเหมือนกับชื่ออัลบั้ม มันยังคงเป็น Girls Aloud ที่ catchy, dancy เหมือนเดิม แม้ลึกๆในเนื้อหาและเสียงร้องอาจจะอ่อนหวานและเศร้าสร้อยขึ้นตามวัย หลายคนอาจมองข้ามพวกเธอไปเพราะมองว่าเป็นแค่วงที่อุปโลกขึ้นมาหรือเป็นแค่เด็กสร้างของวงการ แต่ดนตรีก็คือดนตรี ไม่ว่าเบื้องหลังจะเป็นอย่างไรปฏิเสธไม่ได้ว่านี่คือหนึ่งใน best party album ในรอบปีครับ

No comments: