Friday 20 February 2009

Lee Ann Womack | Call Me Crazy


Lee Ann Womack: Call Me Crazy ***1/2
ออกปี-2008
โปรดิวเซอร์- Tony Brown
มาสเตอร์ โดย- Bob Ludwig




ฉบับที่แล้วผมเพิ่งเขียนถึงสาวน้อยคันทรี่ Taylor Swift ไปหมาดๆ ก็ว่าจะไม่เขียนถึงแนวนี้บ่อยนัก เพราะเกรงว่าแฟนแนวนี้อาจจะไม่มาก แต่อัลบั้มนี้ของ Lee Ann มันยอดเยี่ยมเหลือเกินจนอดไม่ได้ที่จะต้องให้อภิสิทธิ์ตัดหน้าชาวบ้านเข้ามาแนะนำกัน

Lee Ann ไม่ใช่สาวรุ่นอย่าง Taylor เธออยู่ในวงการมากว่าสิบปีแล้ว (ปัจจุบันอายุ 42 ปี) และนี่ก็เป็นอัลบั้มที่หกของเธอ เธอเข้ามาวงการมาพร้อมๆกับนักร้องคันทรี่สาวอีกคนหนึ่งคือ LeAnn Rimes (เขียนต่างกันเล็กน้อย) ที่กำลังดังมากๆในตอนนั้น จนทีมงานของ Womack อยากจะให้เธอเปลี่ยนชื่อเพราะกลัวว่าแฟนๆจะสับสน แต่ Womack ก็ยืนยันจะใช้ชื่อจริงที่พ่อแม่ตั้งให้มา นับว่าเธอมีความมั่นใจในตัวเองสูงจริงๆ ว่าความสามารถของเธอเป็นสิ่งสำคัญกว่าชื่อแซ่ใดๆ และถึงตอนนี้เธอก็ได้พิสูจน์แล้วครับว่าเธอไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนหรือใช้ชื่อปลอมใดๆเลย ผลงานของเธอคือใบเบิกทางและประกาศนียบัตรขั้นสูงสุด

Lee Ann Womack เป็นผู้หญิงที่ร้องเพลงด้วยน้ำเสียงที่มีมวลและเนื้อเสียงละเอียด
แทบทุกประโยคของเธอนั้นจะเจือความเศร้าหมองปนอยู่เสมอๆ และเธอก็ใช้มันได้เป็นประโยชน์อย่างสุดคุ้มจริงๆ แทบทุกเพลงใน Call Me Crazy มีแต่เรื่องราวของหัวใจที่แหลกสลาย การหย่าร้าง และอารมณ์เมามาย ซึ่งต้องบอกว่าน้ำเสียงของเธอรับใช้เนื้อหาของเพลงแบบนี้ได้อย่างวิเศษ (ก็ไม่ถึงกับเศร้ากันทั้งชุดหรอกนะครับ ยังพอมีเพลงให้ความหวังกันอยู่บ้าง) แต่ความเศร้าที่คุณจะพบในอัลบั้มนี้ผมคิดว่ามันเป็นแบบ bittersweet นะครับ คือไม่ใช่ความเศร้าที่ซีเรียสชวนปลิดชีพตัวเอง แต่เป็นความขมขื่นลึกๆที่เหมือนกำลังถูกเยียวยาด้วยเสียงดนตรีมากกว่าน่ะครับ

ใครที่ไม่ได้ใส่ใจในดนตรีลูกทุ่งอเมริกันนักอาจจะไม่ทราบว่า เรื่องโศกตรมเหล่านี้เป็นเนื้อหาหลัก ในเพลงคันทรี่ที่นิยมกันมากมาตั้งแต่สมัย Hank Williams แล้ว เรียกว่าถ้าจะโหวตนับเสียงกันจริงๆ ผมคิดว่าจำนวนเพลงคันทรี่เศร้าๆมีไม่น้อยกว่าเพลงสนุกสนานชมต้นไม้ใบหญ้าแน่ๆครับ

ถ้าคุณเป็นแฟนดนตรีแนวนี้อยู่แล้ว และชอบเพลงคันทรี่เศร้าๆแบบ Patsy Cline, Tammy Wynette ก็คงไม่ต้องคิดกันมาก คุณน่าจะชอบอัลบั้มนี้แน่นอน แต่ไม่ได้หมายความว่าดนตรีในอัลบั้มจะโบราณเท่าของแพ๊ตซี่และแทมมี่นะครับ สุ้มเสียงเป็นคันทรี่ป๊อบยุคใหม่ทีเดียว

อย่างที่บอกไว้ว่า เธอเป็นคนเนื้อเสียงละเอียด การร้องของเธอจึงไม่ใช่โหวกเหวกโชว์พลังปอด แต่เป็นในแนวเหมือนพูดคุยเล่าเรื่องราวให้กันฟังแบบเพื่อนคุยกัน การฟังเพลงคันทรี่นั้นถ้าเป็นไปได้อยากให้อ่านเนื้อเพลงไปด้วยนะครับ (เป็นสิ่งที่ผมพูดแทบทุกครั้งเวลาแนะนำเพลงแนวนี้) เนื้อเพลงรับรองแปลไม่ยาก และไม่มีการใช้การตีความซับซ้อน แต่เมื่อคุณทราบความหมายของมัน เพลงที่ว่าไพเราะอยู่แล้ว ก็จะยิ่งซาบซึ้งขึ้นไปอีก และเพลงธรรมดาๆก็อาจจะฟังดูดีขึ้นเป็นเท่าตัว ยิ่งสมัยนี้เนื้อเพลงหากันง่ายแค่คลิก (ในกรณีที่ในซีดีไม่แจกเนื้อเพลงมาด้วยนะครับ)

อีกนิดหนึ่งสำหรับการร้องของเธอ Lee Ann มีความสามารถหนึ่งที่นักร้องระดับพระกาฬทุกคนต้องมี คือการดึงให้ผู้ฟังคล้อยตามไปกับเนื้อหาได้ หรือพูดด้วยภาษาแบบทุกวันนี้ก็คือ ให้เราอินไปกับสิ่งที่เธอร้อง หลายเพลงในอัลบั้มนี้ทำให้ผมรู้สึกเศร้าสร้อยไปกับเธออย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับการฟังนักร้องคนไหนร้องมาเป็นเวลานานแล้ว คิดว่าถ้าเป็นคนฟังที่ใจอ่อนหน่อย หรือมีประสบการณ์คล้ายๆกับเนื้อเพลงคงได้น้ำตาไหลพรากกันไม่ยาก

เพลงแรก Last Call ที่ซ่อนชื่ออัลบั้มไว้ในเพลง เล่าถึงแฟนเก่าที่จะโทรหาเธอเพียงแค่ตอนเมามายและร้านเหล้าใกล้ปิดเท่านั้น ลองนึกถึงอารมณ์ของฝ่ายหญิงที่ต้องอดกลั้นไม่ยอมรับสายทั้งๆที่ใจก็อยากจะรับสิครับ นั่นคือสิ่งที่ Lee Ann บรรยายออกมาในเพลง เศร้าถึงใจจริงๆ Either Way เรื่องของคู่รักที่อยู่ด้วยกันแบบซังกะตาย เธอจะอยู่หรือไปฉันก็ไม่รักเธออยู่ดี คอรัสโดดเด่นมาก น่าตัดเป็นซิงเกิ้ล เนื้อเพลงท่อนหนึ่งเก๋มาก... I’ve passed the point of give a damn/and all my tears are cried. ฉันผ่านจุดที่จะแยแสอะไรไปหมดแล้ว และน้ำตาทั้งหมดที่มีก็ร้องออกไปสิ้นแล้ว เช่นกัน ใครคิดถึง Keith Urban หวานใจของ Nicole Kidman ฟังเสียงประสานของเขาให้หายคิดถึงได้ใน The Bees ที่ออกไปทาง gospel country rock (เป็นเพลงที่แหวกแนวไปจากเพลงอื่นและสร้างสรรค์ที่สุดในแผ่น) และ George Straits คันทรี่คนดังก็มาร้องคู่ด้วยใน Everything But Quits ซึ่งคงจะมีผลให้อัลบั้มขายดีขึ้นจากแฟนๆของ George แต่ผมว่ามันเป็นส่วนเกินๆของอัลบั้มอย่างไรไม่ทราบ แถมเนื้อหาก็ยังออกหวานๆไม่ค่อยไปกันกับเพลงโศกาอาดูรอื่นๆในอัลบั้มเลย

แม้ว่าโทนโดยรวมจะเศร้าสร้อย แต่ก็ยังมีเพลงในแง่บวกอยู่ไม่น้อยอย่าง The Story of My Life, I Found It In You, New Again ซึ่งเป็นไม่กี่เพลงที่เธอมีส่วนแต่งเพลงด้วย

นี่คืออัลบั้มคันทรี่ร่วมสมัยที่น่าฟังที่สุดแผ่นหนึ่งที่ออกเมื่อปีที่แล้ว แนะนำสำหรับคนชอบเสียงร้องหวานเศร้าๆในแบบลูกทุ่งอเมริกันครับ มันอาจจะไม่ใช่งานที่ดังมากนักของเธอเมื่อเทียบกับผลงานเก่าๆ แต่นั่นก็ไม่เกี่ยวอะไรกับความดีงามของบทเพลงในอัลบั้มเลย จริงไหมครับ

No comments: