Saturday 21 February 2009

Jason Mraz | We Sing, We Dance, We Steal Things





















Jason Mraz
We Sing, We Dance, We Steal Things ***










เจสัน มราซ singer-songwriter ชาว Virginia เริ่มมีชื่อเสียงมาตั้งแต่ปี 2002 ด้วยอัลบั้ม Waiting For My Rocket To Come ที่มีซิงเกิ้ลฮิต Remedy (I Won’t Worry) ที่เขาแต่งร่วมกับทีมสุดยอดนักสร้างเพลงฮิตในยุคนั้น The Matrix แต่อัลบั้ม Mr.A-Z ในปี 2005 เจสันเป๋ไปนิดหน่อยกับการตอบรับที่ไม่ค่อยดีนักทั้งทางด้านยอดขายและเสียงวิจารณ์ โดยเฉพาะการเขียนเนื้อเพลงที่ถูกตำหนิว่าหมกมุ่นและคับแคบซ้ำซาก

การทิ้งช่วงจากอัลบั้มก่อนถึงสามปีในวงการป๊อบถือว่านานพอดู และพอจะคะเนได้ว่า น่าจะมีการยกเครื่องใหม่และยุทธศาสตร์ที่เปลี่ยนไป

เจสันเป็นแฟนของ Dave Matthews Band แต่เด็ก และอัลบั้มแรกของเขาก็ได้ John Alagia ที่เคยโปรดิวซ์ให้ DMB และ John Mayer มาก่อนมาดูแลการผลิตให้ จึงไม่น่าแปลกที่งานของเขาจะชวนให้นึกถึงสองศิลปินนั้น บางคนบอกว่าเขาคือ lite version ของMayer ผู้ซึ่งเป็น lite version ของ DMB อีกที!
แต่ในอัลบั้มที่สาม We Sing We Dance We Steal Things นี้ อาจจะได้นิยามใหม่ เพราะหลายเพลงเขามีสุ้มเสียงเหมือนแจ็ค จอห์นสัน ออน คาเฟอีน (ไม่ถึงขั้นแอมเฟตตามีน) แต่ที่ครื้นเครงเป็นที่สุดคือชุมนุมเครื่องเป่าทั้งแซ็กโซโฟน ทรัมเป็ต ทรัมโบน ฟลุต สร้างความคึกคักและซาวนด์แบบ 70’s funky ที่ไม่ได้ฟังกันมานานแล้ว

เจสันยังคงแต่งเพลงป๊อบได้เด็ดขาดเหมือนเดิม 12 แทร็คในอัลบั้มนี้ มีเพลงที่จะตัดเป็นซิงเกิ้ลฮิตได้ 5-6 เพลงเป็นอย่างน้อย แก่นของดนตรียังคงเป็นเสียงร้องของเขากับกีต้าร์โปร่งในแทบทุกเพลง
Make It Mine ****เริ่มต้นอย่างกระฉับกระแฉง เครื่องเป่าหนาแน่นชวนให้คิดถึงงานที่ควินซี่ โจนส์ทำให้กับไมเคิล แจ็คสัน โซโลทรอมโบนกลางเพลงเก๋ซะไม่มี จะหาเพลงป๊อบยุคนี้ได้ที่ไหนที่เอาเครื่องดนตรีนี้มาโชว์? เนื้อเพลงเหมือนบอกนัยยะของงานนี้ หรืออาจจะเป็นแค่เพลงรักธรรมดา?

I'm Yours*** เร็กเก้สายลมแสงแดด ขายความไพเราะล้วนๆ ซิงเกิ้ลแรก นี่คือ แจ็ค จอห์นสันที่ไม่สนใจภาวะโลกร้อน เพราะกำลังอินเลิฟสุดชีวิต (So, I won't hesitate no more, no more, it cannot wait I'm sure there's no need to complicate our time is short this is our fate, i'm yours) เพลงนี้เจสันนำมาเล่นในการแสดงของเขาอยู่หลายปีแล้ว ก่อนที่จะนำมาบันทึกเสียงในที่สุด

Lucky** ร้องคู่กับ Colbie Caillat คนชอบเพลงคู่แบบหวานจัด (น้ำตาลสี่ก้อน) คงถูกใจ แต่สำหรับผมมันออกจะเลี่ยนเกินไปหน่อยแล้ว แต่ Jason ไม่ปล่อยให้อ้อยสร้อยนาน งานกลับมาคึกคักเต็มที่กับ Butterfly**** ที่มีเนื้อหาเซ็กซี่ที่สุด (หรืออาจจะเกินไปด้วยซ้ำ) (…..And you make my slacks a little tight, you may unfasten them if you like That’s if you crash and spend the night….) เครื่องเป่าเร่งเครื่องกว่าเดิม ถ้าเสียงร้องของเจสัน"ดำ"กว่านี้อีกนิด กลายเป็นเพลงของ Earth, Wind & Fire ได้สบายๆ ก่อนฟังลองทายเล่นๆสิครับว่า Butterfly ของ เจสันคืออะไร?

หลังจากนั้นโมเมนตัมของงานดูจะช้าลง กับเพลงที่ได้รับอิทธิพลจากงานแบบ spiritual อย่าง Live High**** คอรัสกระหึ่มท้ายเพลงอาจจะเป็นสูตรสำเร็จรูปอันน่าละอาย แต่มันก็ได้ผลเสมอ, Love For A Child*** (มุมมองของเด็กบ้านแตก) หรือ Details In The Fabric** อคูสติกบัลลาดที่ได้ James Morrison มาช่วยร้อง เกือบขโมยซีนไปเหมือนกัน เพลงจะดีกว่านี้ถ้าลดความยาวลงซักนาที
Mraz ได้มีโอกาสร้องกึ่งแร็ปด้วยคำร้องถี่ยิบอย่างที่เขาชอบทำในงานเก่าๆใน The Dynamo Of Volition***

จบด้วยบัลลาดยาวเกือบหกนาที A Beautiful Mess ****เจสันเล่นกีต้าร์โปร่ง ไวโอลิน ไวโอลา เชลโลเคลียคลอ ค่อยๆให้เวลากับมันจนจบนะครับ คุณจะเห็นด้วยกับผมว่าเพลงนี้เจสันถอดหัวใจร้องจริงๆ ฟังแล้วคุณจะคิดถึง Elton John ยุคก่อนผ่าคอ หรือ Paul McCartney ที่ทำกับ Nigel Godrich ก็ไม่แปลกอะไร
ถ้าคุณคิดว่างานใหม่ของ Jack Johnson นั้นชวนนิทราเกินไป หรือรำคาญการโซโลกีต้าร์บลูส์ของ John Mayer แต่ก็ไม่อยากรับอะไรที่วุ่นวายอย่างงานของ Dave Matthews นี่คืองานที่น่าจะถูกใจคุณครับ และ We Sing… น่าจะเป็นงานที่ทำให้เจสันได้รับชื่อเสียงสมกับฝีมือของเขาเสียที

(หมายเหตุ-ก่อนหน้าจะออกซีดีชุดนี้ เจสันออกอีพีในชื่อ We Sing, We Dance และ We Steal Things ออกมาสามแผ่น ซึ่งจะมีเพลงหลายเพลงในซีดีนี้ในเวอร์ชั่นอคูสติก แผ่นอีพีอาจจะหายากสักหน่อยแล้ว เพราะทำจำหน่ายในวงแคบ แต่ถ้าจะหาโหลดคงไม่ .....ยาก)

No comments: