Saturday 21 February 2009

Led Zeppelin | Mothership ****





Led Zeppelin Mothership (Atlantic/Warner) 2007 ****

Led Zeppelin คือบรรพบุรุษของดนตรีสายหนักรูหู Heavy Metal มาพร้อมๆกับ Black Sabbath พวกเขาเริ่มมีผลงานออกมาในช่วงรอยต่อของทศวรรษ 60’s และ 70’s ก่อนจะประกาศยุบวงไปในปี 1980 หลังการเสียชีวิตของมือกลอง John Bonham จากอุบัติเหตุหลังค่ำคืนอันเมามาย ตลอดทศวรรษ 70’s ที่พวกเขาครองความยิ่งใหญ่ในวงการร็อคอย่างหาใครเทียบเคียงได้ยาก Zep ออกงาน studio album มาทั้งหมด 8 ชุด งานทั้งหมดอยู่ในขั้นดีจนถึงระดับคลาสสิกทั้งสิ้น Mothership คืองานรวมเพลงเอกรอบที่สามแล้วของวง Jimmy Page มือกีต้าร์ หัวหน้าวง และโปรดิวเซอร์ Robert Plant นักร้องนำ และ John Paul Jones มือเบสและคีย์บอร์ด สามสมาชิกที่ยังมีชีวิตอยู่นั่งเลือกเพลงกันเองสำหรับอัลบั้มนี้ โดย24 แทร็คใน Mothership จะกระจายมาจากทั้ง 8 อัลบั้มนั้น ทุกเพลงรีมาสเตอร์ใหม่โดย John Davis ที่ Alchemy Mastering ในลอนดอน อาร์ทเวิร์คทำได้สง่างามสมศักดิ์ศรี (ไม่ดูกิ๊กก๊อกเหมือนงานรวมเพลงชุดก่อน Early Days & Latter Days) ฝีมือของ Shepard Fairey ผู้เคยทำโปสเตอร์ภาพยนตร์ประวัติ Johnny Cash: Walk The Line มาก่อน ชอบที่เขานำ font แบบเดิมๆที่ Zep เคยใช้ในยุค The Song Remains The Same มาใช้ โทนสีดำ-แดง-ขาว ดูแล้วนึกถึง The White Stripes นิดๆ (ขณะเดียวกันอัลบั้มล่าสุดของ WS ก็มีซาวนด์ของ Zep เต็มๆ) ถ้าท่านไม่มีงานของ Zep มาก่อนอัลบั้มคู่นี้เหมาะอย่างยิ่งที่จะเป็นบทเริ่มต้นในการลิ้มลองดนตรีของวงร็อคยิ่งใหญ่วงนี้ แผ่นแรกจะเป็นการคัดเพลงจากอัลบั้ม Led Zeppelin, II, III และ IV เพลงของพวกเขาในยุคแรกจะเห็นร่องรอยของความเป็นบลูส์ชัดเจน แต่ทุกอย่างถูกนำมาขยายสเกลขึ้นจนเข้มข้นและอลังการถึงขีดสุด เอกลักษณ์อีกอย่างของดนตรีของพวกเขาคือ Light and Shade กล่าวคือมีหนักมีเบา ไม่ได้ใส่กันรุนแรงหนักหน่วงตลอดเวลาเหมือนเมตัลบางวง ตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดคือ Babe I’m Gonna Leave You จากอัลบั้มแรกที่มีช่วงอคูสติกเวิ้งว้างสลับกับช่วงถล่มเครื่องดนตรีทุกชิ้นอย่างเมามัน หรือจะเป็นเพลงเอกตลอดกาล Stairway To Heaven ที่มีทุกอย่างในความเป็น Led Zeppelin อย่างที่ผมคงไม่ต้องอธิบายอะไรแล้วกระมัง อย่างไรก็ตาม Mothership ดูจะโฟกัสไปที่เพลงหนักหนาและเป็น epic มากกว่า เราจึงไม่เห็นเพลงโฟล์คเพราะๆอย่าง That’s The Way หรือ Going To California ในงานนี้ แผ่นสองเริ่มจากอัลบั้ม Houses Of The Holy ที่เป็นช่วงที่พวกเขาเริ่มหาทางออกใหม่ๆหลังจาก peak ไปแล้วจากอัลบั้มที่ 4 ซึ่งก็น่าทึ่งที่ทางวงทำเพลงแนวใหม่ๆได้เยี่ยมไม่แพ้ยุคแรก ไม่ว่าจะเป็น D’Yer Mak’er ที่อาจจะเป็นเร็กเก้ที่บีทหนักที่สุดในโลก หรือ No Quarter ที่คีย์บอร์ดของโจนส์เป็นพระเอกนำเพลงล่องลอยนำพามาซึ่งความรู้สึกน่าสะพรึงกลัว Zep มามี masterpiece อีกครั้งกับอัลบั้มคู่ Physical Graffiti ที่มีเพลงเอก Kashmir สองอัลบั้มสุดท้ายพวกเขาเริ่มตกลงไปนิดหน่อย แต่ก็ยังมีงานระดับห้าดาวอีกเพลงคือ Achilles Last Stand ที่น่าจะเป็นต้นแบบของ Progressive Metal อย่าง Dream Theater ในแง่ของคุณค่าของเพลงในซีดีสองแผ่นคู่นี้ถือเป็นสมบัติล้ำค่าของวงการร็อค อย่างไม่ต้องสงสัยแต่ถ้าจะถามว่ามันจะดีกว่านี้ได้อีกไหม ผมก็คิดว่ายังงไปได้อีก ตามประสาคนโลภมาก เมื่อเห็นเวลาในซีดียังเหลือ ถ้าเพิ่มเพลงแนวโฟล์คดังกล่าวเข้าไปอีกเพลงสองเพลงเพื่อนำเสนออีกด้านของ Zep และขอแถมเป็นการส่วนตัวกับเพลงโปรด Misty Moutain Hop จากชุด IV กับ In My Time Of Dying จาก Physical… นั่นคงเป็นงานรวมเพลงที่เพอร์เฟ็ค...ยิ่งไปกว่านี้ ในด้านคุณภาพเสียง Mothership มีการทำมาสเตอร์ที่ดังกว่า สดใสกว่า เวอร์ชั่นเดิมของ Jimmy Page และ George Marino เมื่อปี 93 คอออดิโอไฟล์บางกลุ่มอาจจะไม่ชอบ แต่ถ้าไปถามนักฟังทั่วๆไปดูเหมือนส่วนใหญ่จะถูกใจกับซาวนด์ที่ฟัง “เอามันส์”แบบนี้ ขณะที่เขียนอยู่นี้เหลืออีกห้าวันก่อนที่วงจะเล่นคอนเสิร์ตรียูเนียนกันในลอนดอน ซึ่งว่ากันว่าเป็นการ come back ที่ฮือฮาที่สุดในวงการดนตรีในรอบหลายปี.....

No comments: