Saturday 21 March 2015

Paperback Writer

"Paperback Writer" --ใคร?เขียนถึงใคร?กันแน่--
---------------
Dear Sir or Madam, will you read my book?
It took me years to write, will you take a look?
It's based on a novel by a man named Lear
And I need a job, so I want to be a paperback writer,
Paperback writer.
It's the dirty story of a dirty man
And his clinging wife doesn't understand.
His son is working for the Daily Mail,
It's a steady job but he wants to be a paperback writer,
Paperback writer.
Paperback writer (paperback writer)
It's a thousand pages, give or take a few,
I'll be writing more in a week or two.
I can make it longer if you like the style,
I can change it round and I want to be a paperback writer,
Paperback writer.
If you really like it you can have the rights,
It could make a million for you overnight.
If you must return it, you can send it here
But I need a break and I want to be a paperback writer,
Paperback writer.
Paperback writer (paperback writer)
Paperback writer - paperback writer
Paperback writer - paperback writer
นี่เป็นการเขียนเนื้อเพลงแบบจดหมายอีกเพลงของพอล (เหมือน P.S. I Love You, All My Loving) แต่คราวนี้ไม่ใช่จดหมายรัก แต่เป็นจดหมายสมัครงาน!
คนเขียนจดหมายน่าจะเขียนถึงบ.ก.(หรือใครก็ตามที่มีหน้าที่พิจารณางานของเขา) ที่เขายังไม่รู้ว่าเป็นหญิงหรือชาย ข้ออ้างแรกที่เขาบอกก็คือ หนังสือเล่มนี้ของเขาน่ะ ใช้เวลาเขียนหลายปีเชียวนา ไม่อ่านซะหน่อยเรอะ?
ต่อมาเขาบอกว่าหนังสือเล่มนี้ของเขามีเนื้อหาที่มีการอ้างอิงจากนิยายอีกเล่มที่เขียนโดยผู้ชายชื่อ Lear (บางคนเดาว่าพอลอาจหมายถึง Edward Lear นักเขียนโปรดของจอห์น) นี่ก็ถือเป็นเรื่องประหลาดแล้ว เพราะเคยได้ยินแต่หนังที่สร้างจากนิยาย แต่นี่คือนิยายที่เขียนจากนิยายอีกที ก็ว่ากันไป เขา(คนเขียนจดหมาย) จบท่อนนี้ว่า เขาต้องการงาน และเขาอยากจะเป็นนักเขียนนิยาย(ปกอ่อน)
ท่อนที่สองเป็นการว่าถึงเนื้อหาของหนังสือที่เขาส่งมาให้โดยย่อเป็นเรื่องคาวๆของผู้ชายโฉดๆคนนึง เขามีเมียที่เกาะแจอยู่คนซึ่งเธอก็ไม่เคยจะเข้าใจเขาเลย (ในแง่ไหน?) ส่วนลูกชายเขานั้นทำงานอยู่ที่หนังสือพิมพ์เดลี่เมล์ มันเป็นอาชีพที่มั่นคงทีเดียว แต่เขากลับอยากเป็นนักเขียนนิยายแทน?
มึนไหมล่ะครับ ตีความแบบเซ่อๆเลยก็คืออีตาคนเขียนจดหมายก็คือคนเขียนหนังสือและก็คือตาลูกชายที่ทำงานอยู่เดลีเมล์นั่นเอง และนิยายเล่มนี้ก็เขียนถึงความโสมมของบิดาของเขา!
ท่อนที่สามเป็นการบรรยายเชิงปริมาณมั่ง เขาบอกว่าหนังสือนี้หนาปึ๊กเป็นพันหน้า จะเกินหรือขาดก็ไม่เท่าไหร่ (จัดว่าเยอะทีเดียว) และยังจะเขียนต่ออีกนะในอาทิตย์สองอาทิตย์เนี่ย แถมถ้าบ.ก.ชอบใจล่ะก็จะเขียนให้ยาวกว่านี้ก็ยังได้ หรือจะให้ปรับเปลี่ยนยังไงก็ได้
ขอให้ตรูได้เป็นนักเขียนเหอะ
ท่อนสุดท้ายเป็นการแสดงความใจป้ำ ถ้าบ.ก.ชอบล่ะก็ เอาลิขสิทธิ์ไปเลย มันจะทำให้คุณเป็นเสี่ยในชั่วข้ามคืน แต่ถ้าไม่ชอบก็ส่งกลับมา แต่ยังไงก็ขอย้ำว่า "ผมอยากเกิดเต็มที อยากเป็นนักเขียน" (จะแย่แล้ว)

No comments: