Friday 20 March 2015

Guilty...Pleasures

"Guilty Pleasures" (2005)
-----------------
‘Guilty Pleasures’ คำนี้อยู่คนละฝั่งกับคำว่าอินเทรนด์ ชื่ออัลบั้มที่เหมาะสมมากกับการเป็นภาค 2 ของอัลบั้ม Guilty ที่เป็นการร่วมงานกันครั้งแรกของสไตร์แซนด์และแบรี่ กิบบ์เมื่อ 25 ปีก่อน มันเป็นความพึงพอใจส่วนตัวที่จะทำเพลงออกมาอย่างนี้ของเธอและแบรี่ และสำหรับผู้ฟัง การเปิดอัลบั้มนี้ให้เพื่อนฝูงฟังก็คงจะไม่มีใครปรบมือให้กับรสนิยม แต่คุณจะมีความสุขไปกับ Guilty Pleasures นี้ถ้าสิ่งที่คุณต้องการคืออัลบั้มป๊อบเพราะๆแบบมีคลาสที่ฟังได้ทั้งชุดโดยไม่สนใจหรืออิงกับแนวดนตรีของโลกภาพนอกสักนิด
Guilty ออกมาในปี 1980 ขณะที่แบรี่พี่ใหญ่แห่ง Bee Geesกำลังมีศักยภาพสุดพรรณนาในโลกดนตรีป๊อบ มันเป็นอัลบั้มที่ดังโคตรๆๆในยุคนั้น คนฟังเพลงบ้านเราไม่มีใครเอาหูหลบเพลง Woman In Love, Guilty และ What Kind Of Fool พ้น การร่วมงานระหว่างบาบร่ากับแบรี่เป็นส่วนผสมที่หลายคนบอกว่าเป็น magic มันไม่ใช่แค่ว่าเอาบาบร่ามาร้องเพลงบีจีส์ แต่บทเพลงเหล่านั้นแบรี่ตัดเย็บมาให้เข้ากับเสียงร้องของเธอโดยเฉพาะ โดยเฉพาะเมื่อทั้งสองเอื้อนเสียง blend เข้าด้วยกัน แม้แต่บาบร่าเองก็ยังบอกว่าเหมือนเธอได้ยิน “เสียงที่สาม” (ผีหรือเปล่า)
Guilty Pleasures ไม่มีเพลงที่เป็นkiller song ขนาดใน Guilty แต่ภาพรวมของมันก็ยังเป็นป๊อบชั้นดีที่เรียบเรียงและทำดนตรีออกมาราวกับนี่เป็นปี 1985 มีจังหวะบอสซาโนวานิ่มๆเยอะหน่อย เพราะเจ้าของอัลบั้มกระซิบคนทำเพลงว่าเป็นแนวที่เธอชอบฟังในช่วงนี้ แบรี่พาลูกชายสองคน-แอชลีย์และสตีเฟนมาช่วยแต่งหลายเพลง เขายังเล่นกีต้าร์และร้องประสานในแทบทุกเพลงด้วย
เสียงร้องของสไตร์แซนด์ในวัย 63 ยังเจิดจรัส แม้จะขุ่นมัวไปบ้างเมื่อเทียบกับสมัยสาวๆแต่เธอก็ยังพริ้วไปกับตัวโน้ตสูงสุดต่ำสุดได้อย่างไม่ออกอาการลำบาก และทุกครั้งที่เธอร้องบัลลาดมันเหมือนแม้นว่าเอกภพจะหยุดฟัง (Our Love) Don’t Throw It All Away (เพลงเก่าแก่ที่แบรี่เคยแต่งให้แอนดี้ กิ๊บบ์น้องชายของเขาผู้ล่วงลับร้องไว้ในปี 1978) คือตัวอย่างที่ดีที่สุด ฟังแล้วอยากให้เธอนำเพลงเพราะๆของบีจีส์มาร้องให้มันยกชุดไปเลย โลภจัง แบรี่ร้องคู่ด้วยสองเพลงคือ Come Tomorrow ดูวอบสไตล์ยุค50’s ที่โมดิไฟด์แล้ว เป็นการเขียนเมโลดี้ที่เยี่ยมที่สุดในรอบหลายปีของแบรี่ และ Above The Law (ชื่อเพลงล้อ Guilty นิดๆ) ที่สองหนุ่มสาว(ใหญ่มาก) หยอกเอินกันอย่างน่าหยิกตีนกา แทร็คอื่นๆที่น่าฟังก็มี Stranger In A Strange Land เพลงรักระหว่างรบที่เป็นซิงเกิ้ลแรก จังหวะกึ่งวอลซ์ คอรัสอลังการ (แบรี่เหมาคนเดียว) Night Of My Life ดิสโก้ขอรับครับท่าน แม้จะเหมือนจิออร์จิโอ มอโรเดอร์ มากกว่าบีจีส์ก็เถอะ ฟังแล้วก็ยิ้ม ก็นี่อัลบั้ม Guilty Pleasures นี่นา Letting Go เพลงเก่าที่แบรี่เคยส่งให้บาบร่าตั้งแต่ปี 1984 แต่เธอหาโอกาสบันทึกเสียงไม่ได้ แนวมิวสิคัลคลอเปียโนแบบที่เธอถนัด จบอัลบั้มอย่างงดงาม
แฟนๆของทั้งบาบร่าและแบรี่ (และบีจีส์) จะมีความหฤหรรษ์ในการเปิดอัลบั้มนี้ฟังรอบแล้วรอบเล่า บาบร่าไม่ได้มีงานคอมเมอร์เชียลป๊อบเยี่ยมๆอย่างนี้มาแสนนาน ส่วนแฟนบีจีส์แค่ได้ยินเสียงแบรี่และเพลงที่เขาแต่งก็แทบจะโทรเรียกรวมพลฉลองกันแล้ว

No comments: